เฟซบุ๊กและยูทูบเปิดเผยในวันศุกร์ว่า กำลังดำเนินการลบคอนเทนต์ที่ระบุถึงชื่อบุคคลที่อาจเป็นผู้ชี้เบาะแสที่นำไปสู่การไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ
โฆษกของเฟซบุ๊กระบุในแถลงการณ์ว่า การกล่าวถึงชื่อบุคคลที่อาจเป็นผู้แจ้งเบาะแสในคดีการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์นั้น ถือเป็นการละเมิดนโยบายของเฟซบุ๊กซึ่งห้ามไม่ให้มีการโพสต์คอนเทนต์ที่เปิดเผยชื่อพยาน, ผู้ให้ข้อมูล หรือนักเคลื่อนไหว
โฆษกของเฟซบุ๊กระบุว่า เฟซบุ๊กกำลังทำการลบคอนเทนต์ที่ระบุชื่อของผู้แจ้งเบาะแส และจะทบทวนการตัดสินใจนี้อีกครั้ง หากชื่อของพวกเขาถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางในสื่อ หรือถูกใช้โดยบุคคลสาธารณะในการอภิปราย
ส่วนโฆษกของยูทูบกล่าวว่า บริษัทจะทำการลบวิดีโอที่ระบุถึงชื่อผู้แจ้งเบาะแส โดยจะใช้การผสมผสานระหว่างการตรวจสอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และการตรวจสอบโดยมนุษย์เพื่อกำจัดคอนเทนต์เหล่านั้น
ด้านปธน.ทรัมป์ระบุว่า ผู้ที่แจ้งเบาะแสเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกล่าวหาว่า เขาพูดคุยกับประธานาธิบดียูเครนอย่างไม่เหมาะสมนั้น ควรได้รับการเปิดเผยชื่อ และถูกสอบสวนอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ ผู้แจ้งเบาะแสรายหนึ่งได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ซึ่งกล่าวหาว่าปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเมื่อวันที่ 25 ก.ค. เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และคู่แข่งของปธน.ทรัมป์ ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า และนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชาย เกี่ยวกับบริษัทก๊าซแห่งหนึ่งในยูเครนที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวนายฮันเตอร์และเป็นบริษัทที่สงสัยว่ามีการทุจริต
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศเริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังจากที่มีการยื่นคำร้องดังกล่าว เพราะการกระทำดังกล่าวถูกมองว่า เป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย