รายงานจากสหรัฐระบุว่า บริษัทสัญชาติจีนได้ส่งออกเทคโนโลยีตรวจตราความปลอดภัยระบบ AI ไปยังกว่า 60 ประเทศ ซึ่งรวมถึงอิหร่าน เมียนมา เวเนซุเอลา ซิมบับเว และประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รายงานดังกล่าวระบุว่า จีนพยายามผลักดัน "เทคโนโลยีเผด็จการ" ระดับโลก ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีจดจำใบหน้าที่จีนใช้เพื่อกวาดล้างชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในเขตปกครองตนเองซินเจียง
ทั้งนี้ กองทุนการกุศลคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ (Carnegie Endowment for International Peace) ได้เปิดเผยรายงานดังกล่าว ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า จีนจะใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มอำนาจให้ตนเอง และอาจมีการส่งข้อมูลต่างๆไปให้กับรัฐบาลจีน
รายงานระบุว่า "เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทหัวเว่ย, ฮิควิชัน, ต้าหัว และแซดทีอี ได้จัดหาอุปกรณ์ตรวจตราความปลอดภัยด้วยระบบ AI ไปยัง 63 ประเทศ โดยมี 36 ประเทศที่ลงนามในโครงการ Belt and Road"
นักวิจารณ์ระบุว่า โครงการ Belt and Road ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตั้งใจที่จะชักนำให้ประเทศในเอเชีย แอฟริกา และยุโรปเข้าสู่วงโคจรทางเศรษฐกิจของจีนให้มากขึ้น
ทั้งนี้ หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ผู้นำเครือข่ายไร้สาย 5G ของจีน ได้ส่งออกอุปกรณ์ตรวจตราความปลอดภัยไปยังประเทศต่างๆ อย่างน้อย 50 ประเทศ
"การส่งออกผลิตภัณฑ์ของจีนมักมาพร้อมกับการปล่อยกู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสนับสนุนให้รัฐบาลซื้ออุปกรณ์ของพวกเขา" รายงานระบุ