กูเกิล ประกาศว่า บริษัทจะยุติโครงการคลาวด์ซึ่งมีชื่อว่า "Isolated Region" พร้อมกับยืนยันว่า บริษัทไม่มีแผนที่จะให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์ในประเทศจีน โดยการประกาศของกูเกิลถือเป็นการยืนยันหลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ทางบริษัทได้ระงับโครงการดังกล่าวในประเทศจีน
บลูมเบิร์กรายงานก่อนหน้านี้ว่า กูเกิลได้ระงับโครงการคลาวด์ "Isolated Region" ในประเทศจีน และประเทศอื่นๆ ที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะความตึงเครียดด้านการเมืองที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี กูเกิลยืนยันว่า การระงับโครงการดังกล่าวไม่ได้เกิดจากเหตุผลอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมา
ทั้งนี้ โครงการ "Isolated Region" ซึ่งก่อตั้งขึ้นในช่วงต้นปี 2561 มีเป้าหมายที่จะให้บริการคลาวด์กับบรรดาลูกค้าและหน่วยงานด้านการกำกับดูแลของรัฐบาลทั่วโลก
พนักงานรายหนึ่งของกูเกิลเปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวได้รับการคาดหวังว่าจะช่วยรับมือกับกฎระเบียบในจีนที่กำหนดว่า บริษัทจากชาติตะวันตกจะต้องจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทของจีนเมื่อบริษัทเหล่านี้ต้องการให้บริการข้อมูลหรือเครือข่าย ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้บริษัทร่วมทุนของจีนสามารถควบคุมการบริหารจัดการด้านข้อมูลของผู้ใช้งาน โดยแม้ว่าการบริหารจัดการในลักษณะนี้จะทำให้รัฐบาลจีนพึงพอใจ แต่กลับเป็นอุปสรรคขัดขวางระหว่างการบริการคลาวด์ "Isolated Region" ของกูเกิลกับเครือข่ายศูนย์ข้อมูลอื่นๆ ซึ่งเก็บรวบรวมอีเมล, เอกสาร, รูปภาพ และข้อมูลอื่นๆ จากผู้ใช้งาน
พนักงานของกูเกิลยังกล่าวด้วยว่า การระงับโครงการ "Isolated Region" ในครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ครั้งใหญ่ เนื่องจากโครงการนี้มีความเกี่ยวข้องกับพนักงานหลายร้อยคนที่กระจายอยู่ทั่วโลก
ปัจจุบัน กูเกิลกำลังทุ่มเม็ดเงินลงทุนในธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ นอกเหนือไปจากค่าโฆษณาบนเสิร์ชเอนจิ้น โดยในปี 2562 "กูเกิล คลาวด์" สามารถสร้างรายได้ถึง 8.9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 53% จากปี 2561 ขณะที่บริษัทคู่แข่งอย่างไมโครซอฟท์ คอร์ป และอเมซอนดอทคอม ได้ขยายศักยภาพทางธุรกิจเข้าสู่การให้บริการคลาวด์แล้วเช่นกัน