นายเจฟฟ์ เบซอส ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทแอมะซอน นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก นายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแอปเปิล อิงค์ และนายซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิล เตรียมชี้แจงและตอบข้อซักถามเกี่ยวกับประเด็นการต่อต้านการผูกขาดต่อสภาคองเกรสสหรัฐในวันนี้
ทั้ง 4 บริษัทเป็นหัวข้อการสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และคณะกรรมการการค้าของสหรัฐ เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินธุรกิจและการมีอิทธิพลในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี รวมถึงเศรษฐกิจ
โดยกูเกิลตกเป็นประเด็นเรื่องการครองตลาดโฆษณา ส่วนเฟซบุ๊กเป็นเรื่องของการซื้อกิจการ ด้านแอปเปิลถูกตรวจสอบเรื่องการผูกขาดตลาดแอปพลิเคชัน ขณะที่แอมะเซอนถูกเพ่งเล็งเรื่องการปฏิบัติต่อผู้ขายบุคคลที่สาม
รายงานระบุว่า เมื่อวันอังคารตามเวลาสหรัฐ ได้มีการเปิดเผยคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรของนายเบซอสและนายซัคเคอร์เบิร์ก ที่จะใช้ให้การต่อฝ่ายสอบสวนของสภาคองเกรสออกมา
นายเบซอสระบุว่า แอมะซอนมีส่วนแบ่งในตลาดค้าปลีกเพียงเล็กน้อย และเผชิญการแข่งขันกับผู้ค้าปลีกรายใหญ่อย่างวอลมาร์ท ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าแอมะซอนถึงสองเท่า และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็กระตุ้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแอมะซอน นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ผู้ค้ารายย่อยสามารถประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มของแอมะซอนได้อย่างไร
ทางด้านนายซัคเคอร์เบิร์กระบุว่า เฟซบุ๊กนั้นประสบความสำเร็จด้วยการเริ่มต้นจากศูนย์ และมอบผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้มองว่ามีค่า -ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กต้องเผชิญการแข่งขันจากคู่แข่งมากมายที่ขายโฆษณาและเชื่อมต่อผู้คนเหมือนกับเฟซบุ๊ก ทั้งในประเทศและทั่วโลก
ขณะที่ในส่วนของการเข้าซื้อกิจการนั้น นายซัคเคอร์เบิร์กกล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการของเฟซบุ๊กช่วยให้บริษัทอย่าง WhatsApp และอินสตาแกรม เติบโตขึ้น
นอกจากนี้ นายซัคเคอร์เบิร์กยังเตือนด้วยว่า เฟซบุ๊กต้องเผชิญการแข่งขันจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากจีนที่สร้างแพลตฟอร์มของตนเองและกำลังส่งออกไปยังประเทศอื่น พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีกฎหมายเพิ่มเติมในด้านเนื้อหาอันตรายบนโซเชียลมีเดีย และความเป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่เฟซบุ๊กถูกโจมตีมาหลายครั้ง