สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ของจีนได้สั่งให้วิศวกรของติ๊กต็อก (TikTok) เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน หากจำเป็นต้องปิดการดำเนินธุรกิจของติ๊กต็อกในสหรัฐ แม้ว่าทางบริษัทยังคงดำเนินการเพื่อที่จะขายธุรกิจดังกล่าวก็ตาม
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้สั่งให้ไบต์แดนซ์ขายธุรกิจติ๊กต็อกในสหรัฐ เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับการจัดการด้านความปลอดภัยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยติ๊กต็อกซึ่งเป็นแอปวิดีโอสั้นยอดนิยมนั้น มีผู้ใช้งานราว 100 ล้านคนต่อเดือนในสหรัฐ
ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมาที่จะห้ามการทำธุรกรรมใดๆ กับติ๊กต็อกและไบแดนซ์ภายใน 45 วัน หากไม่สามารถขายกิจการได้ทันภายในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ดังนั้นติ๊กต็อกจึงต้องเตรียมการสำหรับความเป็นไปได้ที่จะต้องปิดให้บริการในสหรัฐ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการขายกิจการ
นอกจากนี้ การขายธุรกิจติ๊กต็อกดังกล่าวยังจะต้องได้รับการอนุมัติจากทั้งรัฐบาลสหรัฐและจีนด้วย ดังนั้น ติ๊กต็อกจึงต้องมีแผนรองรับการปิดธุรกิจในสหรัฐ และเพื่อให้การดำเนินธุรกิจของติ๊กต็อกทั่วโลกเตรียมรับความเป็นไปได้ที่สหรัฐหรือจีนอาจจะสกัดกั้นการทำข้อตกลงใดๆ
แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ไบต์แดนซ์ได้ส่งบันทึกแจ้งวิศวกรของติ๊กต็อกในสัปดาห์นี้ให้ร่างแผนการสำหรับการปิดบริการแอปติ๊กต็อกในสหรัฐ
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ไบต์แดนซ์ยังได้จัดทำแผนการชดเชยให้กับพนักงานและผู้ค้าของติ๊กต็อกในสหรัฐในกรณีที่มีการระงับบริการด้วย และได้ดำเนินการระงับการจ้างงานใหม่ในสหรัฐแล้ว อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนต่างๆ
ไบต์แดนซ์ได้เริ่มการเจรจาเมื่อต้นเดือนนี้ที่จะขายธุรกิจของติ๊กต็อกในอเมริกาเหนือ, ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งอาจมีมูลค่าราว 2.5-3.0 หมื่นล้านดอลลาร์
วอลมาร์ท อิงค์เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ได้เข้าร่วมกับไมโครซอฟท์เพื่อเสนอซื้อกิจการของติ๊กต็อกในสหรัฐ ขณะที่ ออราเคิลได้ร่วมกับนักลงทุนของไบต์แดนซ์ซึ่งรวมถึง General Atlantic และ Sequoia ในการเสนอซื้อกิจการติ๊กต็อกด้วย