รายงานวิเคราะห์ฉบับใหม่ของ PwC แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนมีศักยภาพในการกระตุ้นผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ได้ถึง 1.76 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลกในทศวรรษหน้า
ข้อมูลดังกล่าวเป็นการค้นพบครั้งสำคัญในรายงานฉบับใหม่ของ PwC ในหัวข้อ Time for trust: The trillion-dollar reason to rethink blockchain ซึ่งประเมินว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนถูกนำไปใช้อย่างไรในปัจจุบัน และสำรวจผลกระทบของบล็อกเชนที่อาจมีต่อเศรษฐกิจโลก
สตีฟ เดวีส์ หัวหน้าฝ่ายบล็อกเชนและพาร์ทเนอร์ของ PwC UK กล่าวว่า "เทคโนโลยีบล็อกเชนมีความเกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ มายาวนาน แต่ถึงกระนั้นบล็อกเชนก็ยังสามารถเข้ามามีบทบาทได้ในอีกหลากหลายด้าน โดยเฉพาะแนวทางการรักษาความปลอดภัย แบ่งปัน และใช้ข้อมูลในองค์กรภาครัฐและเอกชน"
หากพิจารณาตามทวีป เอเชียมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากเทคโนโลยีบล็อกเชนมากที่สุด หากพิจารณาตามประเทศแล้ว บล็อกเชนอาจสร้างผลประโยชน์สุทธิสูงสุดในจีน (4.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) และสหรัฐอเมริกา (4.07 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีการคาดการณ์ว่า อีก 5 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร อินเดีย และฝรั่งเศส มีผลประโยชน์สุทธิมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม แต่ละประเทศได้รับประโยชน์จากบล็อกเชนแตกต่างกัน โดยประเทศที่มุ่งเน้นการผลิต เช่น จีนและเยอรมนี ได้ประโยชน์มากกว่าจากการตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าและบริการ ขณะที่สหรัฐได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการประยุกต์ใช้บล็อกเชนในการรักษาความปลอดภัยและการชำระเงิน รวมถึงการรับรองข้อมูลและการจัดการอัตลักษณ์
ขณะที่ในระดับภาคส่วน ภาคส่วนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือ ภาคการบริหารรัฐกิจ การศึกษา และการดูแลสุขภาพ ซึ่ง PwC คาดว่า ภาคส่วนเหล่านี้จะได้ผลประโยชน์ประมาณ 5.74 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573 โดยการใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพที่บล็อกเชนจะนำมาสู่โลกแห่งการจัดการอัตลักษณ์และการรับรองข้อมูล