ผู้บริหารของหัวเว่ยกล่าวว่า บริษัทจะกลับมาทวงบัลลังก์ในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน แม้ว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหรัฐก็ตาม
ในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หัวเว่ยถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐ โดยถูกขึ้นบัญชีดำและไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีหลักอย่างเซมิคอนดักเตอร์ที่จำเป็นต่อการผลิตสมาร์ทโฟน ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจผู้บริโภคของหัวเว่ยมีรายได้ร่วงลง 47% เมื่อเทียบรายปีในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทที่เคยครองอันดับ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟนจึงหลุดจาก 5 อันดับแรก
นายกัว ผิง ประธานหัวเว่ย กล่าวว่า "ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเราในปัจจุบันคือโทรศัพท์มือถือ เรารู้ว่าการผลิตโทรศัพท์ที่มีขนาดเล็กและใช้พลังงานต่ำต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งหัวเว่ยสามารถออกแบบได้ แต่ไม่มีใครช่วยเราผลิตได้" ทั้งนี้ เป็นเพราะผู้ผลิตชิปในจีนไม่สามารถผลิตเซมิคอนดักเตอร์ล้ำสมัยตามที่บริษัทต้องการได้
อย่างไรก็ตาม นายกัวย้ำว่าหัวเว่ยจะไม่ยอมออกจากธุรกิจสมาร์ทโฟน แต่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีที่จะเป็นประโยชน์ต่อหัวเว่ย เนื่องจากสามารถเข้าถึงซิลิคอนที่ผลิตในจีนได้
"หัวเว่ยจะยังคงโลดแล่นอยู่ในตลาดโทรศัพท์มือถือต่อไป" นายกัวกล่าว "ผมหวังว่าเมื่อความสามารถในการผลิตชิปเพิ่มขึ้น หัวเว่ยจะกลับมาครองบัลลังก์ตลาดสมาร์ทโฟนอีกครั้ง"