สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บรรดานักลงทุนจับตาการทำธุรกรรมของบริษัทเบิร์กเชียร์อย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่า นายบัฟเฟตต์, นายทอดด์ โคมส์ และนายเทด เวสเลอร์ ผู้จัดการด้านการลงทุนของเบิร์กเชียร์จะประเมินมูลค่าของบริษัทแอคติวิชันในทิศทางใด พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า นายบัฟเฟตต์อาจเล็งเห็นว่า แอคติวิชันอาจจะเข้าไปมีส่วนสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส (Metaverse) ของไมโครซอฟท์
ในรายงานที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) นั้น เบิร์กเชียร์ระบุว่า ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2564 เบิร์กเชียร์ได้ถือครองหุ้นในบริษัทแอคติวิชันจำนวน 14.7 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 975 ล้านดอลลาร์
การเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ไมโครซอฟท์จะประกาศแผนการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของแอคติวิชันเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2565 ซึ่งนับเป็นการทำธุรกรรมเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดของไมโครซอฟท์
ราคาหุ้นแอคติวิชันทะยานขึ้น 23% แล้วในปีนี้ และล่าสุดปิดตลาดที่ระดับ 81.46 ดอลลาร์ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันพุธ (16 ก.พ.) แต่ราคาปิดตลาดดังกล่าวยังต่ำกว่าราคาเสนอซื้อกิจการซึ่งตกลงกันไว้ที่ระดับ 95 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นต่อต้านการผูกขาดตลาด
นอกจากนี้ ในช่วงต้นเดือนม.ค.ปีนี้ เบิร์กเชียร์ยังได้เพิ่มการถือครองหุ้นบริษัทแอปเปิล อิงค์อีกกว่า 1.20 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากแอปเปิลกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนรายแรกในสหรัฐที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนม.ค.
เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์เริ่มซื้อหุ้นบริษัทแอปเปิลในปี 2559 ต่อมาในช่วงกลางปี 2561 เบิร์กเชียร์ถือหุ้นแอปเปิลจำนวน 5% คิดเป็นมูลค่า 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ และในปี 2565 นี้ เบิร์กเชียร์ยังคงเดินหน้าซื้อหุ้นแอปเปิลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้มูลค่าของหุ้นแอปเปิลที่เบิร์กเชียร์ถือครองในขณะนี้อยู่ที่ราว 1.60 แสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ นายบัฟเฟตต์กล่าวว่า แอปเปิลถือเป็นธุรกิจรายใหญ่อันดับ 3 ที่เบิร์กเชียร์เข้าลงทุน รองจากธุรกิจประกันและธุรกิจทางรถไฟ อีกทั้งเคยกล่าวถึง iPhone ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีฐานลูกค้าเหนียวแน่น และสามารถรวบรวมผู้คนให้เข้าไปอยู่ในระบบนิเวศของแอปเปิลได้
"อาจกล่าวได้ว่า แอปเปิลเป็นธุรกิจที่ดีที่สุดเท่าที่ผมรู้จักในโลกนี้ ผมไม่เคยมองว่าแอปเปิลเป็นแค่หุ้น แต่ผมมองว่าเป็นธุรกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเรา" นายบัฟเฟตต์กล่าว