สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดในจีนได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายสมาร์ตโฟนอย่างหนัก แต่ถึงเช่นนั้นก็มิอาจสั่นคลอนยอดขายไอโฟนจากค่ายแอปเปิลได้
เมื่อวานนี้ (6 เม.ย.) จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มกว่า 20,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในมหานครเซี่ยงไฮ้ โดยทางการได้ออกมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคโลจิสติกส์และการใช้จ่ายผู้บริโภค
นายนีล มิวสตัน ผู้อำนวยการบริหารของสแตรททิจี แอนาไลติกส์ คาดการณ์ว่า ยอดจำหน่ายสมาร์ตโฟนจีนจะหดตัวลง 20% เทียบรายปีในไตรมาสที่ 2/2565
ด้านนายนีล ชาห์ เจ้าหน้าที่จากเคาน์เตอร์พอยต์ รีเสิร์ช เปิดเผยกับซีเอ็นบีซีว่า ยอดขายสมาร์ตโฟนจีนในเดือนเม.ย.และพ.ค. อาจปรับตัวลง 12-13% เทียบรายปี
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนมิ.ย. ยอดขายมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่แบรนด์ต่าง ๆ จะจัดโปรโมชันส่วนลดกระหน่ำ และคาดว่าสถานการณ์โควิดจะปรับตัวดีขึ้น โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าในช่วงเวลาดังกล่าวยอดขายสมาร์ตโฟนจีนจะปรับตัวลงเพียง 3-4% เท่านั้น แต่หากสถานการณ์โควิดไม่ฟื้นตัวดีขึ้น ตลาดสมาร์ตโฟนก็อาจร่วงลงถึง 12% เทียบรายปี
ส่วนนายวิลล์ หว่อง ผู้จัดการฝ่ายการวิจัยแห่งสถาบันไอดีซี กล่าวว่า ยอดจำหน่ายสมาร์ตโฟนอาจร่วงลงราว 3.4% เทียบรายปีในไตรมาส 2
อย่างไรก็ตาม นายชาห์กล่าวว่า แอปเปิลทำผลงานได้ค่อนข้างน่าพอใจ โดยยอดการจัดส่งสินค้าอาจลดลงเพียง 4-5% ในไตรมาส 2 แต่ก็เป็นเพียงภาวะชั่วคราวเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้แอปเปิลเพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไปเมื่อช่วงปลายปี ซึ่งดันให้ยอดขายพุ่งขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ก่อนที่จะแผ่วเล็กน้อยลงในช่วงไตรมาส 2
นอกจากนี้ แอปเปิลยังได้ประโยชน์จากการที่หัวเว่ยถูกรัฐบาลสหรัฐขัดขวางการดำเนินธุรกิจ โดยหัวเว่ยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการกีดกันไม่ให้เข้าถึงส่วนประกอบสำคัญอย่างชิป