สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (19 พ.ค.) ว่า แคนาดามีแผนสั่งห้ามใช้อุปกรณ์ 5G ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ และแซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE) โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ ตามรอยกลุ่มพันธมิตรด้านหน่วยข่าวกรองทั้ง 5 ประเทศหรือ "Five Eyes" อันประกอบด้วยแคนาดา, สหรัฐ, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
"เราต้องการกันหัวเว่ยและแซดทีอีออกไปจากเครือข่าย 5G ของเรา โดยผู้ให้บริการที่ติดตั้งอุปกรณ์นี้ไปแล้วจะต้องหยุดใช้งานและนำอุปกรณ์ดังกล่าวออก ภายใต้แผนงานที่เราจะประกาศในวันนี้" นายฟรองซัวส์-ฟิลิปป์ ชองปาญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของแคนาดา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในกรุงออตตาวา
นายชองปาญกล่าวเสริมว่า บริษัทต่าง ๆ จะต้องถอดอุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ยและแซดทีอีออกภายในเดือนมิ.ย. 2567 และจะไม่ได้รับเงินชดเชย ส่วนบริษัทที่ใช้อุปกรณ์ 4G ของ 2 บริษัทจีนดังกล่าวจะต้องนำออกภายในสิ้นปี 2570
การตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปตามที่คาดหมายกันในวงกว้าง โดยเกิดขึ้นหลังจากที่บรรดาบริษัทโทรคมนาคมในแคนาดาเลือกใช้ฮาร์ดแวร์ 5G ของบริษัทอื่นแล้ว อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นล่าช้าออกไปจากเดิมท่ามกลางความตึงเครียดทางการทูตกับจีน ส่วนประเทศอื่น ๆ ในเครือข่าย Five Eyes ได้สั่งห้ามใช้อุปกรณ์ดังกล่าวแล้ว
ทางด้านนายอลิคาน เวลชี รองประธานฝ่ายกิจการองค์กรของหัวเว่ยในแคนาดา ให้สัมภาษณ์กับแคนาเดียน บรอดแคสติง คอร์ปอเรชัน (CBC) ซึ่งเป็นบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงแคนาดา โดยระบุว่า ทางหัวเว่ยยังคงรอฟังว่า "ภัยความมั่นคงแห่งชาติประเภทใดที่พวกเขาคิดว่าหัวเว่ยเป็นคนก่อ"
นายเวลชีกล่าวว่า หัวเว่ยยังคงมีพนักงาน 1,500 คนในแคนาดาซึ่งอยู่ในแผนกวิจัยและพัฒนาเป็นส่วนใหญ่ และจะยังคงจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ ต่อไป