บริษัทฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สัญญาจ้างรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปีนี้ ขานรับยอดขายสมาร์ตโฟนและเซิร์ฟเวอร์ที่แข็งแกร่ง แม้ยังมีความกังวลว่าอุปสงค์อาจจะลดลงเนื่องจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
ฟ็อกซ์คอนน์เผชิญปัญหาขาดแคลนชิปอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับผู้ผลิตรายอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตสมาร์ตโฟนให้กับลูกค้ารายสำคัญ รวมถึงบริษัทแอปเปิล ซึ่งส่วนหนึ่งมาจาการล็อกดาวน์คุมโควิด-19 ในจีน
อย่างไรก็ตาม ฟ็อกซ์คอนน์ระบุในแถลงการณ์เมื่อเย็นวันจันทร์ (4 ก.ค.) ว่ายอดขายเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 31% เมื่อเทียบรายปี เป็นสถิติสูงสุดของเดือนมิ.ย. เนื่องจากการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่เหมาะสมและยอดขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น โดยสมาร์ตโฟนคิดเป็นรายได้ส่วนใหญ่
ยอดขายเดือนมิ.ย.ของฟ็อกซ์คอนน์ที่ดีกว่าคาด แม้ว่านักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ด้านเทคโนโลยีที่ชะลอตัวลงในระหว่างที่ตลาดใหญ่ ๆ ของโลกถดถอยเนื่องจากเงินเฟ้อที่สูงและสงครามในยูเครน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หุ้นบริษัทชิปทั่วโลกร่วงลงในวันศุกร์ (1 ก.ค.) หลังบริษัทไมครอน เทคโนโลยี อิงค์ ผู้ผลิตชิปความจำ ได้เปิดเผยคาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสปัจจุบันย่ำแย่กว่าที่คาด และระบุว่าตลาด "ชะลอตัวลงอย่างมากในเวลาอันสั้น"
อย่างไรก็ตาม ฟ็อกซ์คอนน์ยังเชื่อว่าธุรกิจในไตรมาส 3 จะดีขึ้น พร้อมทั้งมองเห็นวี่แวว "การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ" เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
สำหรับปี 2565 ฟ็อกซ์คอนน์ได้ปรับคาดการณ์ โดยระบุว่าผลประกอบการของบริษัทจะยังคงเติบโต เมื่อเทียบกับคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะไม่มีการเติบโต
ทั้งนี้ หุ้นของฟ็อกซ์คอนน์เพิ่มขึ้นประมาณ 3% ในช่วงการซื้อขายเช้าวันนี้ มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1% อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วในปีนี้หุ้นของฟ็อกซ์คอนน์ปรับตัวลงเกือบ 1% ทำให้มูลค่าทางตลาดของฟ็อกซ์คอนน์ลดลงมาอยู่ที่ 4.652 หมื่นล้านดอลลาร์