เอสบีไอ โฮลดิงส์ (SBI Holdings) ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า บริษัทจะยุติธุรกิจการขุดเหรีญคริปโทเคอร์เรนซีในรัสเซีย ส่งผลให้เอสบีไอกลายเป็นบริษัทรายล่าสุดในเอเชียที่ระงับการดำเนินธุรกิจในรัสเซีย หลังจากที่สหรัฐประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียฐานใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน
โฆษกเอสบีไอเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า การที่รัสเซียรุกรานยูเครนทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มของธุรกิจขุดคริปโทเคอร์เรนซีในไซบีเรีย นอกจากนี้ การทรุดตัวของตลาดคริปโทฯทั่วโลกทำให้กำไรจากการขุดเหรียญลดน้อยลงด้วย
ฮิเดยูกิ คัทสึชิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเอสบีไอ ประกาศแผนการขายเครื่องขุดเหรียญคริปโทฯ และได้กล่าวถึงแผนการถอนธุรกิจการขุดเหรียญคริปโทฯเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
โฆษกเอสบีไอยังกล่าวด้วยว่า เอสบีไอซึ่งเป็นบริษัทที่รุกคืบเข้าสู่การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับบริษัทการเงินส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นนั้น ได้ระงับการขุดเหรียญคริปโทฯในไซบีเรียหลังจากเกิดสงครามในยูเครนได้ไม่นาน ซึ่งทำให้ธุรกิจสินทรัพย์คริปโทฯของบริษัทขาดทุนก่อนหักภาษีเป็นมูลค่าสูงถึง 9.7 พันล้านเยน (72 ล้านดอลลาร์) ในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. และขาดทุนสุทธิ 2.4 พันล้านเยนในไตรมาสดังกล่าว ซึ่งเป็นการขาดทุนรายไตรมาสครั้งแรกในรอบ 10 ปี
ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนก่อนหน้านี้ว่า การขุดเหรียญคริปโทฯ อาจเป็นช่องทางให้รัสเซียสามารถหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากสหรัฐและชาติตะวันตกได้
ในช่วงปลายเดือนเม.ย.ปีนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐสั่งคว่ำบาตรบริษัทบิตริเวอร์ (BitRiver) ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองคริปโทฯที่ให้บริการด้านดาต้าเซนเตอร์รายใหญ่ที่สุดในแวดวงอุตสาหกรรมและทำธุรกิจในรัสเซีย หลังพบว่าบริษัทบิตริเวอร์และบริษัทในเครือเอื้อประโยชน์ต่อรัสเซีย ข้อมูลจาก IMF ระบุว่า ในปี 2564 การขุดบิตคอยน์สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยที่ราว 1.4 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดย 11% ของรายได้นั้นหมุนเวียนอยู่ในกลุ่มนักขุดชาวรัสเซีย