บริษัทนิวรัลลิงก์ คอร์ป (Neuralink Corp) ของนายอีลอน มัสก์ประกาศเมื่อช่วงค่ำวันพุธ (30 พ.ย.) ตามเวลาสหรัฐว่า บริษัทตั้งเป้าว่าภายในเวลา 6 เดือน จะเริ่มฝังสมองคอมพิวเตอร์ขนาดเท่าเหรียญไว้ในผู้ป่วยเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ทั้งนี้ นิวรัลลิงก์ได้ทำการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งเรียกว่า ส่วนต่อประสานสมองกับคอมพิวเตอร์ หรือ Brain-Computer Interface (BCI) อันประกอบด้วยอุปกรณ์ขนาดจิ๋วและลวดผูกขั้วไฟฟ้า พร้อมด้วยหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่ผ่าชิ้นกะโหลกผู้ป่วยและฝังผลิตภัณฑ์เข้าไปในสมอง โดยนายมัสก์เปิดเผยว่า การปรึกษาหารือกับองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐนั้นราบรื่นดี ส่งผลให้นิวรัลลิงก์สามารถกำหนดเป้าหมายการทดลองฝังชิปในสมองมนุษย์รายแรกได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ขณะนี้นิวรัลลิงก์ได้เดินหน้าแผนการต่อไปแล้ว โดยตั้งเป้าฝังชิปในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายมนุษย์ โดยนายมัสก์ได้เปิดเผยเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำคัญ 2 ชนิด นอกเหนือไปจาก BCI โดยนิวรัลลิงก์ได้พัฒนาการปลูกถ่ายที่สามารถฝังลงในไขสันหลัง เพื่อทำให้ผู้ป่วยอัมพาตสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง นอกจากนี้ นิวรัลลิงก์ยังได้พัฒนาตาเทียม เพื่อพัฒนาหรือฟื้นฟูทัศนวิสัยการมองเห็นของมนุษย์ด้วย
"อาจฟังดูน่าอัศจรรย์ เรามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์นี้สามารถช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไขสันหลังสามารถกลับมาใช้งานร่างกายได้ดังเดิม" นายมัสก์กล่าว ขณะเดียวกันเขาได้กล่าวถึงงานด้านการมองเห็นของนิวรัลลิงก์ว่า "เราเชื่อมั่นว่าผู้ป่วยจะสามารถมองเห็นได้ แม้ว่าไม่เคยมองเห็นมาก่อน"
สำหรับเป้าหมายของ BCI ในเบื้องต้นคือการช่วยให้ผู้ป่วยโรครุมเร้า เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) หรือผลข้างเคียงจากโรคหลอดเลือดสมอง สามารถติดต่อสื่อสารผ่านสมองได้ โดยอ้างอิงถึงลิงที่ถูกทดลองฝังชิปจนสามารถใช้โทรจิตพิมพ์ข้อความบนหน้าจอเบื้องหน้าได้ ซึ่งอุปกรณ์ของนิวรัลลิงก์ทำการแปลหนามประสาทเป็นข้อมูลที่คอมพิวเตอร์สามารถตีความได้
นายมัสก์หวังว่าอุปกรณ์ดังกล่าวจะกลายเป็นกระแสหลักได้ในวันหนึ่ง และใช้ถ่ายโอนข้อมูลระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร โดยเขากล่าวมาอย่างยาวนานแล้วว่า มนุษย์ทำได้เพียงต้องไล่ตามความล้ำหน้าที่เกิดจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้ทันด้วยการเปลี่ยนให้ตัวเองมีความคล้ายคลึงกับคอมพิวเตอร์
"คุณคุ้นเคยกับการเป็นไซบอร์กโดยพฤตินัย แต่ถ้าคุณมีปฏิสัมพันธ์กับโทรศัพท์ของคุณ คุณก็ถูกจำกัดอยู่แค่นั้น" นายมัสก์กล่าว