ฝ่ายบริหารของอินเทล คอร์ป เปิดเผยเมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.) ว่า บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายสู่การหวนครองความเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ได้อย่างครบถ้วนทุกประการ
แอน เคลเลเฮอร์ รองประธานและหัวหน้าฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยี กล่าวในการแถลงข่าว ณ เมืองซานฟรานซิสโกว่า "เรากำลังดำเนินงานตามแนวทางได้อย่างสมบูรณ์ เราสามารถบรรลุเป้าหมายรายไตรมาสได้ และเราอาจก้าวนำเป้าหมายเหล่านั้นไปบ้างแล้ว"
แพท เกลซิงเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินเทลได้ให้คำมั่นว่าจะกลับมายึดตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตอีกครั้ง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอุตสาหกรรมมูลค่า 5.80 แสนล้านดอลลาร์ที่อินเทลครองตลาดมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ
ทั้งนี้ ทีมของเคลเลเฮอร์กำลังพยายามชดเชยความล่าช้าของอินเทลที่ส่งมอบเทคนิคการผลิตช้ากว่าที่เคยสัญญาไว้ถึง 5 ปี ซึ่งขณะนี้ ทางเครืออินเทลกำลังเร่งเปิดตัวกระบวนการผลิตใหม่ ๆ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
หากแผนการของเกลซิงเกอร์ประสบความสำเร็จ อินเทลจะสามารถยืนหยัดกลับมาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดที่สูญเสียไปให้กับคู่แข่งอย่าง แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ อิงค์ (Advanced Micro Devices Inc. หรือ AMD) และเอ็นวิเดีย คอร์ป (Nvidia Corp) ได้ นอกจากนี้ การผลิตที่ดีขึ้นยังช่วยให้อินเทลสามารถดึงดูดลูกค้าในธุรกิจรับจ้างผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้กับบริษัทชิปอื่น ๆ อันเป็นความพยายามของเกลซิงเกอร์ที่ต้องการจะแข่งขันกับบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ เมนูแฟคเจอริง โค (Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. หรือ TSMC) และซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ โค (Samsung Electronics Co.)
อนึ่ง อินเทลกำลังพยายามยกระดับขีดความสามารถในการผลิต ในขณะที่เผชิญปัญหารายได้ของบริษัทลดลง รวมถึงปัญหาความต้องการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหดตัวรุนแรง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งในยอดขายทั้งหมดของอินเทล