กรณีที่สหรัฐออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิปต่อจีนนั้นทำให้บริษัทต่าง ๆ กำลังพิจารณาย้ายฐานการผลิตชิปไปยังประเทศใกล้เคียง เช่น เวียดนามและอินเดีย แทน
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า คำสั่งจำกัดการส่งออกชิปเซมิคอนดักเตอร์ไปยังจีนของคณะบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐนั้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออำนาจการผลิตชิปในระดับโลก
นายวอลเตอร์ ไคเปอร์ส หุ้นส่วนของบริษัทเคพีเอ็มจีในสิงคโปร์ระบุว่า การคาดการณ์เกี่ยวกับการขยายขีดความสามารถในการผลิตชิปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้น 30% - 40% เทียบกับช่วงก่อนที่จะเกิดโรคโควิด-19 ระบาด
"บริษัทต่าง ๆ มีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับสร้างความหลากหลายให้กับห่วงโซ่อุปทาน แทนที่จะพึ่งพาจากแหล่งเดียว โดยพัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงนี้มีแนวโน้มที่จะเร่งให้กลยุทธ์เหล่านี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น" นายไคเปอร์สกล่าว
นายแจน นิโคลัส ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายเซมิคอนดักเตอร์ของบริษัทดีลอยต์ระบุว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายมาเป็นตัวเลือกโดยธรรมชาติสำหรับโรงงานที่กำลังวางแผนย้ายฐานการผลิตออกจากจีน
นอกจากนี้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีความน่าดึงดูดใจมากกว่ามหาอำนาจด้านการผลิตชิป อย่างเกาหลีใต้และไต้หวัน เนื่องจากมีสถานภาพเป็นกลางท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
"เกาหลีใต้และไต้หวันไม่สามารถวางตัวเป็นกลางได้ แต่ประเทศต่าง ๆ เช่นเวียดนาม อินเดีย และสิงคโปร์สามารถวางสถานะให้ตนเองเป็นตัวเลือกที่สาม โดยเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองยักษ์ใหญ่ได้" นางซาราห์ เครปส์ ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการนโยบายเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยคอร์เนลกล่าวต่อสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี