ไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานว่า บริษัทแอปเปิ้ลได้เริ่มจ้างคนทำงานในร้านค้าปลีกของตนในอินเดีย โดยแอปเปิ้ลกำลังจ้างงาน 12 ตำแหน่ง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค, ผู้เชี่ยวชาญทางธุรกิจ, ผู้จัดการอาวุโส, หัวหน้าร้าน และตำแหน่ง "อัจฉริยะ" เนื่องจากแอปเปิ้ลกำลังวางแผนที่จะเปิดร้านสาขาแรกในอินเดียภายในไตรมาสนี้
รายละเอียดงานจำนวนมากพูดถึงการดำเนินการค้าปลีกในร้านสาขาเรือธงโดยตรง โดยมีงานหนึ่งระบุข้อความว่า "แอปเปิ้ลสโตร์เป็นสภาพแวดล้อมร้านค้าปลีกที่ไม่มีใครเหมือน ? มุ่งเน้นไปที่การมอบประสบการณ์อันน่าทึ่งให้กับลูกค้าโดยเฉพาะ"
ร้านแอปเปิ้ลสโตร์เหล่านี้มักจะมีพนักงานอย่างน้อย 100 คน และสาขาเรือธงบางแห่งอาจมีพนักงานมากถึง 1,000 คน นอกจากนี้ รายชื่องานบนเว็บไซต์ของแอปเปิ้ล เช่นตำแหน่ง "ผู้นำตลาด" ยังกล่าวถึงการบริหารทีมในแอปเปิ้ลสโตร์หลายแห่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าแอปเปิ้ลกำลังวางแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่ม นอกเหนือจากร้านขนาด 22,000 ตารางฟุต ที่มีกำหนดจะเปิดทำการในมุมไบในเดือนมี.ค.นี้
นอกจากนี้ มีอย่างน้อยห้าคนบนลิงด์อิน (LinkedIn) ในมุมไบและนิวเดลีที่เปิดเผยว่า ตนได้เข้าเป็นพนักงานของแอปเปิ้ลสำหรับร้านสาขาในอินเดียที่บริษัทยังไม่ได้ประกาศออกมา โดยมีคนหนึ่งได้รับตำแหน่งงาน "Lead Genius" ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนทางเทคนิคให้กับลูกค้า ส่วนอีกคนได้ตำแหน่งผู้จัดการอาวุโส ขณะที่เรณู เสวันที หัวหน้าฝ่ายสรรหาบุคลากรของแอปเปิ้ลในอินเดีย ได้ "แสดงความยินดี" กับประกาศเหล่านี้บนลิงด์อิน
แม้แอปเปิ้ลยังไม่ได้ยืนยันแผนการเปิดร้านสาขาแรกในอินเดีย อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 นายทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิ้ล ระบุว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาไปยังอินเดียในปี 2564 โดยต้องการที่จะดูแลร้านแอปเปิ้ลสโตร์เหล่านี้เอง แทนที่จะปล่อยให้พาร์ทเนอร์แฟรนไชส์เป็นผู้บริหาร
ในปี 2563 นั้นเอง แอปเปิ้ลเปิดร้านค้าออนไลน์ในอินเดียแต่ก็ยังไม่ได้เปิดร้านค้าจริง การขยายตัวครั้งนี้จะมีความสำคัญสำหรับแอปเปิ้ลเนื่องจากต้องการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนและเริ่มผลิตสินค้ามากขึ้นในอินเดีย
อนึ่ง มีรายงานว่า นายคุกเคยพบปะกับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ในปี 2558 เพื่อวิ่งเต้นขอเปิดร้านแอปเปิ้ลสโตร์ในประเทศ อย่างไรก็ตาม กฎหมายของอินเดียกำหนดให้บริษัทต่างชาติที่ขายสินค้าให้ผู้บริโภคโดยตรง ต้องจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วน 30% จากในอินเดีย
กฎหมายดังกล่าวได้รับการผ่อนปรนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และซัพพลายเออร์ของแอปเปิ้ลเริ่มประกอบ iPhone ในอินเดียในปี 2560 ซึ่งทำให้แอปเปิ้ลสามารถหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร 22% และเพิ่มยอดขายได้ นอกจากนี้ รัฐบาลอินเดียยังสนับสนุนให้บริษัทผู้ผลิตสมาร์ตโฟนมาตั้งฐานการผลิตเพิ่มขึ้นในอินเดียด้วย ซึ่งนำไปสู่การลงทุนจากบริษัทต่าง ๆ จากไต้หวัน เช่น ฟ็อกซ์คอนน์, วิสตรอน และเพกาตรอน
ทั้งนี้ แหล่งข่าวเปิดเผยกับไฟแนนเชียล ไทม์ส ว่า ทาทา กรุ๊ป ซึ่งผลิตชิ้นส่วนสำหรับ iPhone ในรัฐทมิฬนาฑูของอินเดีย วางแผนที่จะขยายการดำเนินงานเพื่อจัดหาส่วนประกอบเพิ่มเติมสำหรับแอปเปิ้ล
เมื่อปี 2562 มีการผลิตสมาร์ตโฟนประมาณ 200 ล้านเครื่องในอินเดีย ซึ่งมากกว่าจำนวนที่ผลิตในปี 2557 ถึง 10 เท่า โดยแอปเปิ้ลมีส่วนแบ่งตลาดแค่ 5% ในอินเดีย แต่ก็เติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมด้วยยอดขาย 40% ของยอดขายทั้งหมด
นายนีล ชะฮ์ นักวิเคราะห์จากเคาน์เตอร์พอยท์ ซึ่งเป็นกลุ่มข่าวกรองตลาด กล่าวว่า "ในที่สุด ดวงดาวก็เป็นใจให้แอปเปิ้ลมาในอินเดีย"
"ตั้งแต่เกิดโรคระบาด จำนวน iPhone ที่ขายในอินเดียเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ซึ่งนั่นเป็นตัวผลักดันยอดขาย Mac, Apple Watch และ iPad นี่เป็นผลกระทบเครือข่ายในเชิงบวก ดังนั้น แอปเปิ้ลจึงสังเกตเห็นว่าตลาดนี้มีการเติบโตรวดเร็ว และตอนนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่จะเข้าไปลงทุน" นายชะฮ์กล่าว
นายชะฮ์คาดว่า แอปเปิ้ลประจำประเทศอินเดียวางแผนที่จะใช้กลยุทธ์การขาย 4 ขั้นภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งประกอบด้วยการขายแบบอีคอมเมิร์ซ เปิดร้านสาขาเรือธงอย่างน้อย 2 แห่งในบรรดาเมืองที่เจริญที่สุดของประเทศ และร่วมมือกับบริษัททาทาเปิดร้านอย่างน้อย 10 แห่งในเมืองหลักและเมืองรอง ตลอดจนเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ค้าปลีกรายใหญ่เพื่อเปิดแอปเปิ้ลสโตร์ภายในร้านของผู้ค้าปลีกเหล่านั้นทั่วประเทศ