กระทรวงยุติธรรมสหรัฐตั้งข้อกล่าวหาว่า กูเกิล ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของอัลฟาเบท อิงค์ ได้กระทำการผูกขาดการโฆษณาดิจิทัล ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวของกระทรวงมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจสำคัญของหนึ่งในบริษัทอินเทอร์เน็ตที่ประสบความสำเร็จที่สุดของสหรัฐ
ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุในวันอังคาร (24 ม.ค.) ว่า กูเกิลควรถูกบังคับให้ขายระบบจัดการโฆษณา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโฆษณาที่สามารถสร้างรายได้ให้กับกูเกิลประมาณ 12% ในปี 2564 ทั้งยังมีบทบาทสำคัญต่อยอดขายโดยรวมของบริษัท
"กูเกิลใช้เครื่องมือที่กีดกันการแข่งขันและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อครอบงำเทคโนโลยีการโฆษณาดิจิทัล" เอกสารคำร้องเรื่องต่อต้านการผูกขาดระบุ
รัฐบาลกลางสหรัฐระบุว่า การไต่สวนและดำเนินคดีต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับคู่แข่งรายเล็กในการแข่งขันกับบริษัทรายใหญ่ เช่น อะเมซอนดอทคอม เมตา แพลตฟอร์ม เจ้าของเฟซบุ๊ก และแอปเปิ้ล อิงค์
"ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐพุ่งเป้าไปที่อิทธิพลของกูเกิลซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ต ด้วยการฟ้องร้องดำเนินคดีกับกูเกิลโทษฐานผูกขาดเทคโนโลยีการโฆษณา" นางชาร์ล็อตต์ สไลมาน ผู้อำนวยการนโยบายด้านการแข่งขันของพับลิก โนวเลจ (Public Knowledge) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรกล่าว พร้อมเสริมว่า "คำร้องครั้งนี้ประกอบด้วยกลยุทธ์กีดกันการแข่งขันมากมายจากกูเกิลที่ฉุดรั้งระบบนิเวศอินเทอร์เน็ตของเราเอาไว้"
ด้านกูเกิลระบุว่า รัฐบาลสหรัฐตั้งข้อกล่าวหาแบบผิด ๆ ว่ากูเกิลจะทำให้การนวัตกรรมชะลอตัวลง ทำให้ค่าธรรมเนียมการโฆษณาแพงขึ้น รวมถึงทำให้ธุรกิจและผู้เผยแพร่รายย่อยหลายพันรายยากที่จะเติบโต โดยธุรกิจการโฆษณาคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้กูเกิล