นายอีริค ชมิดท์ อดีตซีอีโอของกูเกิล (Google) กล่าวว่า การที่จีนนำปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) มาใช้ในการทำสงคราม นับเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปทุก ๆ ที่ ตั้งแต่ซิลิคอนวัลเลย์ ไปจนถึงกระทรวงกลาโหมสหรัฐ
นายชมิดท์ เป็นหนึ่งในหลาย ๆ คนที่หยิบยกประเด็นข้อกังวลนี้ขึ้นมา และเขาได้ขึ้นให้การเกี่ยวกับจีนต่อสภาคองเกรสเมื่อเย็นวานนี้ (17 พ.ค.) ในฐานะหัวหน้าโครงการริเริ่มที่มุ่งเน้นการเร่งปรับใช้เอไอในสถาบันของกระทรวงกลาโหม
โครงการศึกษาการแข่งขันพิเศษ (Special Competitive Studies Project) ของนายชมิดท์ระบุในรายงานฉบับล่าสุดในเดือนนี้ว่า สหรัฐต้องออกแบบกองทัพใหม่เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามนี้
"จีนได้รวบรวมความสามารถขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งออกแบบมาเพื่อต่อต้านการต่อสู้แบบดั้งเดิมของอเมริกันโดยเฉพาะ" รายงานระบุ โดยรายงานได้อธิบายถึงความมุ่งมั่น 30 ปีของจีนในการศึกษาปฏิบัติการรบของสหรัฐ ด้วยจุดประสงค์เพื่อให้สามารถเจาะทะลวงแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐได้ และตอนนี้มีความช่วยเหลือจากเอไอเสริมไปด้วย รายงานชี้อีกว่าการที่กองทัพสามารถใช้เอไอได้เร็วกว่าศัตรูจะเป็นกุญแจสำคัญในความแข็งแกร่งของกองทัพ
ระหว่างกล่าวต่อสมาชิกสภาสหรัฐ นายชมิดท์เตือนว่า จีนได้ลงทุนในเอไอด้านกลาโหมมากกว่าสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีการ "หลอมรวมพลเรือนและทหาร" ซึ่งทำให้บริษัทด้านการค้าของจีนสามารถทำงานกับกองทัพได้อย่างใกล้ชิด เขากล่าวว่า สหรัฐนำหน้าไปเพียงเล็กน้อย เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น ในด้านที่สำคัญอย่างเช่น เอไอ และคอมพิวเตอร์ควอนตัม แต่เขาเตือนว่ามีเหตุผลมากพอที่จะคิดว่าจีนมีบุคลากรจำนวนมากที่ทำงานเกี่ยวกับเอไอเชิงกลยุทธ์
ทั้งนี้ ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐบางราย รวมถึง นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา อิงค์ เคยเรียกร้องให้ยุติการพัฒนาเอไอสำหรับการใช้งานทางทหารเป็นการชั่วคราว เนื่องจากความกังวลด้านจริยธรรมที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับศักยภาพที่เป็นอันตรายของเอไอ