บีเอชพี กรุ๊ป (BHP Group) ประกาศจับมือไมโครซอฟท์ (Microsoft) เพื่อพัฒนากระบวนการเก็บแร่จากเหมืองเอสคอนดิดาของชิลี ซึ่งเป็นเหมืองทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยใช้ระบบการเรียนรู้ด้วยตัวเองของคอมพิวเตอร์ (machine learning) หรือ ML และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
บีเอชพีคาดการณ์ว่า โลกจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณการผลิตทองแดงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวภายในอีก 30 ปีข้างหน้า เพื่อให้เท่าทันความเร็วในการพัฒนาของเทคโนโลยีลดการปล่อยคาร์บอนเช่น รถยนต์ไฟฟ้า และโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
การค้นหาและสร้างเหมืองใหม่นั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูง ยากลำบาก และอาจกินเวลานานนับ 10 ปี ด้วยเหตุนี้ บรรดานักขุดเหมืองจึงมองหาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ๆ เพื่อขุดเจาะโลหะให้มากขึ้นจากเหมืองและกระบวนการดั้งเดิมที่มีอยู่
นางลอร่า ไทเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของบีเอชพีกล่าวว่า "เราคาดหวังว่าคลื่นลูกใหม่ในอุตสาหกรรมการทำเหมืองจะมาจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง"
บีเอชพีระบุว่า ผู้ควบคุมโรงงานจะสามารถปรับตัวแปรต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการประมวลผลแร่และเก็บโลหะจากก้อนแร่ (Grade recovery) ด้วยการใช้งานข้อมูลแบบเรียลไทม์จากโรงงานที่ประมวลผลแร่ร่วมกับคำแนะนำจากเอไอจากแพลตฟอร์มอาซัวร์ (Azure) ของไมโครซอฟท์