บริษัทซูม วิดีโอ คอมมิวนิเคชั่นส์ อิงค์ (Zoom Video Communications) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสดีกว่าคาดเมื่อวันจันทร์ (26 ก.พ.) โดยได้รับแรงหนุนจากดีมานด์ที่แข็งแกร่งจากการขยายผลิตภัณฑ์ เนื่องจากมีนายจ้างจำนวนมากขึ้นที่ยอมรับการทำงานแบบผสมผสานกับการทำงานทางไกล ส่งผลให้หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นราว 10% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด
นอกจากนี้ ซูมยังประกาศซื้อคืนหุ้นสามัญคลาส A เป็นมูลค่าสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์อีกด้วย
ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 4/2566 ของซูมบ่งชี้ว่า ความพยายามในการผสมผสาน AI เข้ากับผลิตภัณฑ์ของบริษัทและการสร้างความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ประสบความสำเร็จ โดยบริษัทได้ประโยชน์จากการทำงานแบบผสมผสานที่กำลังเพิ่มมากขึ้น
แอลเอสอีจี (LSEG) ระบุว่า ผลกำไรที่ปรับค่าแล้วอยู่ที่ 1.42 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.15 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 1.15 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 1.13 พันล้านดอลลาร์
นายไรอัน คูนซ์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์อาวุโสจากนีดแฮม แอนด์ โค (Needham and Co) กล่าวว่า "บริษัทจะทุ่มเทให้กับกลยุทธ์ระยะยาวในการใช้ปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (generative AI) แทนที่จะเสี่ยงลงทุนด้วยเงินสดจำนวนมากกับธุรกิจสตาร์ตอัปใหม่ซึ่งอาจจะสร้างผลกำไรที่รวดเร็วกว่า"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ซูมได้เปิดตัวฟีเจอร์ AI ในไตรมาส 3/2566 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานแบบเสียเงินสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ รวมถึง การสรุปการประชุมและติดตามผล ตลอดจนคำสั่งในการเขียนอีเมลและแชต
นายเอริก หยวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซูมกล่าวว่า "เรากำลังสร้างสรรค์บริการใหม่ ๆ ซึ่งขับเคลื่อนโดยพันธมิตรของซูม โดยในปีนี้ เราได้ทุ่มเทให้กับ Zoom AI และการหารายได้"
นางเคลลี สเตคเคลเบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของซูมระบุว่า Zoom AI มีบัญชีที่เปิดใช้งานมากกว่า 510,000 บัญชีในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา