นายทอม อลิสัน หัวหน้าของเฟซบุ๊กเปิดเผยในวันพุธ (6 มี.ค.) ว่า การทุ่มเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของเมตา ครอบคลุมการพัฒนาระบบ AI ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับระบบการแนะนำวิดีโอ (video recommendation engine) ทั่วทั้งแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก
นายอลิสันระบุว่า ส่วนหนึ่งของโรดแมปเทคโนโลยีจนถึงปี 2569 ของเมตานั้นเกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบการแนะนำที่ใช้ AI ที่สามารถใช้งานได้กับทั้งบริการวิดีโอสั้น เช่น รีลส์ (Reels) และวิดีโอยาวแบบดั้งเดิม
นายอลิสันกล่าวบนเวทีการประชุมเทคโนโลยีของมอร์แกน สแตนลีย์ ณ เมืองซานฟรานซิสโก ว่า โดยทั่วไปแล้ว เมตาจะใช้โมเดลที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น รีลส์, กรุ๊ปส์ (Groups) และเฟซบุ๊ก ฟีด (Facebook Feed)
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในฐานะส่วนหนึ่งของการก้าวเข้าสู่วงการ AI ทางบริษัทได้ทุ่มเม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับหน่วยประมวลผลกราฟิก หรือ GPU ของอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งได้กลายมาเป็นชิปหลักสำหรับบรรดานักวิจัย AI สำหรับการฝึกฝนโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) รูปแบบต่าง ๆ รวมถึงถูกนำมาใช้งานในแชตจีพีที (ChatGPT) ซึ่งเป็นแชตบอตยอดนิยมของโอเพนเอไอ (OpenAI) และโมเดลปัญญาประดิษฐ์รู้สร้างอื่น ๆ
นายอลิสันกล่าวว่า โรดแมปด้านเทคโนโลยี "ระยะที่ 1" ของเมตานั้นเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงระบบแนะนำในปัจจุบันไปสู่การใช้งาน GPU จากเดิมที่เคยใช้ชิปคอมพิวเตอร์แบบเก่า ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ นายอลิสันเสริมว่า เนื่องจาก LLM ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามเมื่อปีที่แล้ว บรรดาผู้บริหารของเมตาเลยรู้สึกถูกชะตากับขีดความสามารถในการจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลและกิจกรรมทั่วไปทุกประเภทเช่น การสนทนา อีกทั้ง เมตายังเล็งเห็นถึงความเป็นไปได้ในการนำระบบแนะนำขนาดใหญ่มาใช้งานในทุกผลิตภัณฑ์ เมื่อปีที่ผ่านมา เมตาได้สร้างสถาปัตยกรรมสำหรับระบบใหม่นี้เรียบร้อยแล้ว และได้ทำการทดสอบระบบดังกล่าวบนรีลส์เช่นกัน
สถาปัตยกรรมสำหรับระบบใหม่นี้ช่วยให้เฟซบุ๊กมีระยะเวลาในการรับชมรีลส์เพิ่มขึ้น 8-10% ซึ่งนายอลิสันชี้ว่า นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าระบบดังกล่าวสามารถเรียนรู้ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบรุ่นก่อนๆ
"เราให้ความสำคัญกับการลงทุนในลักษณะมากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่า เราสามารถขยายการใช้งานโมเดลเหล่านี้ด้วยฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสม" นายอลิสันกล่าวเสริม
ทั้งนี้ ปัจจุบัน เมตาได้ก้าวเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการปรับโครงสร้างสถาปัตยกรรมของระบบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความพยายามในการตรวจสอบเทคโนโลยีและผลักดันไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ