บริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) และเมตา (Meta) กำลังจะปล่อยโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) รุ่นใหม่ที่จะมีความสามารถในการใช้เหตุผลและการวางแผน โดยโมเดลตัวใหม่ของโอเพนเอไอที่ได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์ (Microsoft) คาดว่าจะใช้ชื่อ "GPT-5" ส่วนเมตากล่าวว่าจะเริ่มปล่อย Llama 3 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ถือเป็นก้าวสำคัญของ AI ในการมีความคิดอ่านในระดับเหนือมนุษย์
ผู้บริหารของโอเพนเอไอและเมตาต่างส่งสัญญาณในสัปดาห์นี้ว่า พวกเขากำลังเตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เวอร์ชันใหม่ ซึ่งเป็นระบบที่ขับเคลื่อนแอปพลิเคชันเจเนอเรทีฟเอไอ (Generative AI) เช่น ChatGPT
โจเอล ปิโน รองประธานฝ่ายวิจัย AI ของเมตากล่าวว่า "เรากำลังทำงานกันอย่างหนักเพื่อพัฒนาโมเดลเหล่านี้ให้ไม่เพียงแค่พูดคุยได้เท่านั้น แต่ยังต้องสามารถใช้เหตุผล วางแผน และจดจำได้ด้วย"
ขณะเดียวกัน นายแบรด ไลท์แคป ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของโอเพนเอไอให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์สว่า รุ่นถัดไปของ GPT จะแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการแก้ "ปัญหายาก ๆ" อย่างเช่นเรื่องของการให้เหตุผล
"เราจะเริ่มเห็น AI ที่สามารถรับมือกับงานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้อย่างฉลาดมากขึ้น ผมว่าตอนนี้เรากำลังเริ่มค้นพบความสามารถในการใช้เหตุผลของโมเดลเหล่านี้เพียงผิวเผินเท่านั้น" นายไลท์แคปกล่าว
นายไลท์แคปเสริมว่า ระบบ AI ในปัจจุบันเก่งแค่งานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำครั้งเดียวจบ แต่ความสามารถของ AI ยังคงจำกัดอยู่มาก
นายไลท์แคปกล่าวว่า โอเพนเอไอจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GPT รุ่นถัดไปเร็ว ๆ นี้
"ผมว่าเมื่อเวลาผ่านไป เราจะเห็นโมเดล AI สามารถจัดการกับงานที่ซับซ้อนและใช้เวลานานขึ้น ซึ่งนั่นจำเป็นต้องมีการพัฒนาความสามารถในการใช้เหตุผลของ AI ด้วย"
ในอีกด้านหนึ่ง นายยานน์ เลอคัน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้าน AI ของเมตากล่าวในงานอีเวนต์ที่กรุงลอนดอนเมื่อวันอังคาร (9 เม.ย.) ว่า ระบบ AI ในปัจจุบันนั้น "สร้างคำทีละคำต่อกันไปโดยไม่ได้มีการคิดหรือวางแผนจริง ๆ"
นายเลอคันกล่าวว่า AI ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบคำถามยาก ๆ หรือจำข้อมูลได้นาน ทำให้ AI ยังคง "ทำพลาดแบบโง่ ๆ" แต่ถ้าให้ AI คิดหาเหตุผลเป็น AI ก็จะสามารถหาคำตอบที่เป็นไปได้ วางแผนลำดับการกระทำ และคาดการณ์ผลของการกระทำของตัวเองได้
นี่คือ "ชิ้นส่วนสำคัญที่ขาดหายไปที่เรากำลังพยายามพัฒนาเพื่อให้เครื่องจักรฉลาดขึ้นไปอีกขั้น" นายเลอคันกล่าว
นายเลอคันระบุด้วยว่า เมตากำลังพัฒนา "เอเยนต์" AI ที่สามารถจัดการงานที่ซับซ้อนได้ เช่น วางแผนและจองการเดินทางในแต่ละขั้นตอนจากออฟฟิศในปารีสไปยังออฟฟิศอีกแห่งในนิวยอร์ก รวมถึงการเดินทางไปสนามบินด้วย
"เราจะคุยกับผู้ช่วย AI เหล่านี้ตลอดเวลา ทุกอย่างที่เราเสพผ่านทางดิจิทัลจะมีระบบ AI เป็นตัวกลาง" นายเลอคันกล่าว
นอกจากนี้ ในงานอีเวนต์เดียวกันนั้นเอง นายคริส ค็อกซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของเมตากล่าวว่า กล้องในแว่นตาเรย์-แบน (Ray-Ban) ของเมตาจะมีความสามารถด้าน AI เพิ่มเติม เช่น เมื่อมองเครื่องชงกาแฟที่ชำรุด ผู้ช่วย AI ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ Llama 3 จะคอยอธิบายวิธีการซ่อมแซมให้กับผู้ใช้ผ่านทางแว่นตา