ในปัจจุบัน ผู้ที่จะสามารถอยู่รอดได้ในยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) คือผู้ที่กำลังเรียนรู้วิธีใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นคนหรือธุรกิจก็ตาม
"AI จะไม่มาแทนคุณ แต่คุณจะถูกแทนที่โดยคนที่ใช้ AI เพื่อให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคุณ" นายลอว์เรนซ์ หลิว ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรม AI จากบริษัท เอไอ สิงคโปร์ (AI Singapore) กล่าวระหว่างการอภิปรายในงานเวิลด์ ทัวร์ เอสเซนเชียลส์ (World Tour Essentials) ของบริษัทเซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) ในสิงคโปร์
งานวิจัย Work Trend Index ประจำปี 2567 ของไมโครซอฟท์ (Microsoft) ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ค.) พบว่า ในขณะที่ 45% ของพนักงานที่ตอบแบบสอบถามแสดงความกังวลว่า AI จะมาแทนที่งาน แต่ผู้นำส่วนใหญ่ 55% กลับกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญมากกว่า
ผลการวิจัยระบุว่า บุคลากรที่มีความสามารถนั้นมีจำนวนจำกัด ดังนั้นจึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่สามารถเรียนรู้ทักษะด้าน AI โดยผู้นำองค์กรมากถึง 71% กล่าวว่า พวกเขาต้องการผู้สมัครที่มีประสบการณ์น้อยแต่มีทักษะ AI มากกว่าผู้สมัครที่มีประสบการณ์มากแต่ขาดทักษะด้าน AI
อย่างไรก็ดี แม้ AI จะได้รับความนิยมมาตั้งแต่ที่โอเพนเอไอ (OpenAI) ได้เปิดตัวแชตจีพีที (ChatGPT) เมื่อเดือนพ.ย. 2565 แต่บรรดาบริษัทขนาดใหญ่ก็ยังคงไม่เร่งนำเทคโนโลยีมาใช้งานหรือยกระดับทักษะพนักงานของตน
ผลการวิจัยระบุว่า แม้ผู้บริหาร 79% เชื่อว่าบริษัทของตนควรนำ AI มาใช้งานเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน แต่ความกดดันในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในทันทีเป็นตัวขัดขวางการนำเอา AI มาใช้งาน
ดังนั้น พนักงานทั่วโลกจึงพยายามพัฒนาทักษะของตน โดยเริ่มเรียนรู้การใช้เครื่องมือ AI ด้วยตนเอง