ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางสหรัฐได้ตัดสินเมื่อวันจันทร์ (5 ส.ค.) ว่า กูเกิลได้ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด โดยทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อกระทำการผูกขาดอย่างผิดกฎหมายและกลายเป็นเครื่องมือสืบค้นตั้งต้นของโลก ซึ่งนับเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ครั้งแรกของหน่วยงานรัฐบาลกลางที่เข้ามาควบคุมอำนาจทางการตลาดของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำตัดสินดังกล่าวเปิดทางให้มีการพิจารณาคดีครั้งที่สองเพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงการจับแยกบริษัทแม่ของกูเกิลอย่างอัลฟาเบทให้แตกออกมาเป็นบริษัทย่อย เพื่อลดอิทธิพลของบริษัทใหญ่ และอาจพลิกโฉมภูมิทัศน์ของตลาดการโฆษณาออนไลน์ที่กูเกิลครอบงำมายาวนานหลายปี
นอกจากนี้ คำตัดสินของศาลยังส่งสัญญาณไฟเขียวให้หน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐที่ดำเนินการเชิงรุกกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่เผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์จากทุกแง่มุมการเมือง
นายอามิต เมธา ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี ระบุว่า "ศาลได้ข้อสรุปดังต่อไปนี้ กูเกิลเป็นผู้ผูกขาดตลาด และได้ดำเนินการเพื่อรักษาการผูกขาดนั้น" โดยกูเกิลครองส่วนแบ่งตลาดบริการสืบค้นออนไลน์ประมาณ 90% และ 95% บนสมาร์ตโฟน
ทั้งนี้ การกำหนดวิธีแก้ไขปัญหานั้นอาจใช้เวลานาน และอาจตามมาด้วยการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์สหรัฐประจำเขตโคลัมเบีย และศาลฎีกาของสหรัฐ การพิจารณาคดีอาจยืดยาวไปถึงปีหน้าหรือแม้กระทั่งปี 2569
นายเมอร์ริก การ์แลนด์ อัยการสูงสุดของสหรัฐ กล่าวยกย่องคำตัดสินดังกล่าวว่าเป็น "ชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์สำหรับชาวอเมริกัน" พร้อมเสริมว่า "ไม่มีบริษัทใดอยู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าจะใหญ่หรือมีอิทธิพลเพียงใดก็ตาม"
ด้านนางคารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า "คำตัดสินที่สนับสนุนการแข่งขันถือเป็นชัยชนะของชาวอเมริกัน ... ชาวอเมริกันสมควรได้รับอินเทอร์เน็ตที่เสรี ยุติธรรม และเปิดกว้างสำหรับการแข่งขัน"