โซนี่ กรุ๊ป (Sony Group) ยักษ์ใหญ่ด้านความบันเทิง เป็นบริษัทล่าสุดที่เข้าร่วมกับธุรกิจอื่น ๆ ของญี่ปุ่นในการพิจารณาใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งนับเป็นแนวโน้มที่สร้างความท้าทายให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น
เมื่อเดือนที่แล้ว โซนี่ได้เปิดตัวระบบบันทึกข้อมูลแบบดิจิทัล (digital ledger) อย่างเป็นทางการที่มีชื่อว่า โซเนียม (Soneium) โดยคาดหวังว่า บรรดานักพัฒนาจะใช้โซเนียมเพื่อสร้างแอปพลิเคชันที่จะช่วยพัฒนาบริการต่าง ๆ ของโซนี่ แม้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา แต่แนวคิดหลักคือการนำโซเนียมมาใช้ร่วมกับเกม เพลง และภาพยนตร์ ซึ่งอาจสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นได้
ส่วนบริษัทอื่น ๆ ของญี่ปุ่นที่กำลังสำรวจโครงการริเริ่มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนนั้นได้แก่ นิปปอน เทเลกราฟ แอนด์ เทเลโฟน (Nippon Telegraph & Telephone), โตโยต้า มอเตอร์ (Toyota Motor) และมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (Mitsubishi UFJ Financial Group - MUFG)
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า MUFG ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น กำลังศึกษาการออกสเตเบิลคอยน์ ซึ่งเป็นโทเคนดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีมูลค่าคงที่
ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นกำลังเผชิญกับคำถามที่ว่า จะรับฟังคำขอจากอุตสาหกรรมคริปโทฯ ในการผ่อนปรนกฎระเบียบให้ง่ายดายขึ้นเพื่อลดต้นทุนและกระตุ้นการขยายตัวของอุตสาหกรรมคริปโทฯ หรือไม่
ทั้งนี้ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ซึ่งให้ความสำคัญกับ Web3 ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของบล็อกเชนนั้น บรรดาหน่วยงานกำกับดูแลได้เริ่มดำเนินการเพื่อให้การจดทะเบียนโทเคนดิจิทัลในตลาดซื้อขายคริปโทฯ เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากขึ้น
ข้อมูลจากบริษัทซีซีเดตา (CCData) บ่งชี้ว่า การซื้อขายในตลาดดิจิทัลของญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวในปีนี้ พร้อมกับการฟื้นตัวของราคาบิตคอยน์และโทเคนอื่น ๆ โดยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายเดือนกลับมาอยู่ที่ใกล้เคียง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในตลาดซื้อขายของญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566