บริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms), กูเกิล (Google), ติ๊กต๊อก (TikTok) และ สแนป (Snap) จะถูกโรงเรียนต่าง ๆ ในหลายเขตการศึกษาฟ้องร้องต่อศาลของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่าแอปพลิเคชันของบริษัทเหล่านี้ทำให้เด็ก ๆ ติดกันงอมแงม และมีส่วนทำให้เกิดวิกฤตด้านสุขภาพจิตในกลุ่มนักเรียน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดี (24 ต.ค.) ผู้พิพากษาอีวอนน์ กอนซาเลซ โรเจอร์ส จากศาลแขวงสหรัฐฯ ในเมืองโอกแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้มีคำตัดสินที่สวนทางกับคำตัดสินเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาซึ่งผู้พิพากษาศาลสูงในลอสแอนเจลิสตัดสินเข้าข้างบริษัทเหล่านั้น
คำตัดสินที่แตกต่างกันอาจทำให้แพลตฟอร์มเหล่านี้ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายในกว่า 150 คดีที่ยื่นฟ้องกับผู้พิพากษาโรเจอร์ส แม้บริษัทเหล่านี้อาจรอดพ้นจากความรับผิดชอบในอีกกว่า 600 คดีที่ถูกยื่นฟ้องในลอสแอนเจลิสก็ตาม
แม้ว่าผู้พิพากษาโรเจอร์สปฏิเสธคำขอให้ยกฟ้องข้อกล่าวหาเรื่องความประมาท แต่เธอก็ได้จำกัดขอบเขตของข้อกล่าวหาที่จะพิจารณาให้แคบลง พร้อมสรุปว่าข้อกล่าวหาบางประการไม่สามารถดำเนินคดีได้ตามมาตรา 230 ของกฎหมายว่าด้วยการสื่อสารที่เหมาะสมของสหรัฐฯ (CDA) ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีมาอย่างยาวนานเพื่อปกป้องบริษัทอินเทอร์เน็ตจากการถูกฟ้องร้อง
คำตัดสินนี้ออกมาเพียงหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่โรเจอร์สตัดสินว่า เมตาต้องเผชิญกับการฟ้องร้องจากอัยการสูงสุดของหลายรัฐ ซึ่งกล่าวหาว่าเมตาจงใจทำให้เด็ก ๆ ติดเฟซบุ๊ก (Facebook) และอินสตาแกรม (Instagram)
นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากคดีฟ้องร้องหลายร้อยคดีที่เกี่ยวกับความเสียหายส่วนบุคคล ซึ่งกล่าวหาว่า พวกเขาออกแบบแพลตฟอร์มที่ดึงดูดเยาวชนให้ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากเกินไปจนส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต
ทั้งนี้ โรงเรียนในเขตการศึกษาต่าง ๆ ยังกล่าวหาว่า บริษัทเหล่านี้ออกแบบแพลตฟอร์มให้เด็ก ๆ ติดกันงอมแงมโดยใช้อัลกอริทึมและฟีเจอร์ เช่น ปุ่ม "ถูกใจ" (like) ในลักษณะที่ส่งผลเสียต่อสังคม คล้ายกับที่ผู้ผลิตบุหรี่ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้คนเสพติด