โอเพนเอไอ (OpenAI) ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ค้นหาใหม่ในแชตจีพีที (ChatGPT) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (31 ต.ค.) โดยแทนที่จะพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แยกต่างหาก โอเพนเอไอเลือกผนวกฟีเจอร์นี้เข้ากับแชตจีพีทีโดยตรง ถือเป็นการรุกคืบเข้าสู่ตลาดเสิร์ชเอนจิน ซึ่งกูเกิล (Google) ครองความเป็นเจ้าตลาดมายาวนาน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การแข่งขันในตลาดเสิร์ชเอนจินนี้ทวีความดุเดือดขึ้น โดยนอกจากกูเกิลแล้ว โอเพนเอไอต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งสำคัญอย่างบิง (Bing) ของไมโครซอฟท์ (Microsoft) (ซึ่งเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในโอเพนเอไอ) รวมถึงผู้เล่นหน้าใหม่อย่างเพอร์เพล็กซิตี (Perplexity) แชตบอตที่เน้นการค้นหาโดยเฉพาะ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอะเมซอน (Amazon) และอินวิเดีย (Nvidia) บริษัทผู้ผลิตชิประดับโลก
โอเพนเอไออธิบายว่า ระบบค้นหาใหม่นี้จะทำงานอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ถามคำถาม โดยแชตจีพีทีจะดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อให้คำตอบที่รวดเร็ว ทันสมัย และอ้างอิงแหล่งที่มาด้วยลิงก์ประกอบ ข้อมูลที่ใช้ในการค้นหาจะมาจากสองแหล่งหลัก ได้แก่ บริการค้นหาจากภายนอก และเนื้อหาจากบริษัทพันธมิตรโดยตรง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน
ฟีเจอร์ค้นหานี้พัฒนาบนพื้นฐานของโมเดล GPT-4o ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในเบื้องต้น ผู้ใช้แชตจีพีทีพลัส (ChatGPT Plus) และทีม (Team) จะสามารถใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. ตามมาด้วยกลุ่มลูกค้าองค์กรและสถาบันการศึกษาที่จะได้ใช้งานในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนผู้ใช้งานฟรีจะทยอยใช้งานได้ในอีกหลายเดือนถัดไป
อนึ่ง โอเพนเอไอได้ร่วมมือกับสำนักพิมพ์ชั้นนำหลายแห่งในปีนี้ เช่น คอนเดนาสต์ (Condé Nast), นิตยสารไทม์ (Time), ไฟแนนเชียลไทม์ส (Financial Times), แอกเซล สปริงเกอร์ (Axel Springer) (เจ้าของ Business Insider), หนังสือพิมพ์ชั้นนำของฝรั่งเศส เลอมงด์ (Le Monde) และเครือสื่อรายใหญ่ของสเปน ปรีซา มีเดีย (Prisa Media)
OpenAI ย้ำว่าได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคสื่อสารมวลชน และรับฟังความคิดเห็นจากพันธมิตรอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาฟีเจอร์นี้ นอกจากนี้ เว็บไซต์หรือสำนักพิมพ์ใด ๆ สามารถแจ้งความประสงค์ให้เนื้อหาของตนเองปรากฏในผลการค้นหาของแชตจีพีทีได้
ก่อนหน้านี้ ในเดือนก.ค. โอเพนเอไอได้ทดสอบเสิร์ชจีพีที (SearchGPT) ซึ่งเป็นเครื่องมือค้นหาต้นแบบที่ใช้ AI ในการค้นหาและดึงข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตแบบทันที
ต่อมาเมื่อต้นเดือนต.ค. โอเพนเอไอระดมทุนได้ถึง 6.6 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึง 1.57 แสนล้านดอลลาร์ ตอกย้ำสถานะบริษัทเอกชนที่มีมูลค่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก