อันบาเบล (Unbabel) ประกาศเปิดตัวบริการแปลภาษาด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง Widn.AI กลายเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งหน้าใหม่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยซีอีโอของบริษัทฯ เตือนว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า AI อาจก้าวหน้ามากพอที่จะทำให้ไม่ต้องใช้มนุษย์แปลภาษาแล้ว
Widn.AI พัฒนามาจากโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นเองอย่างทาวเวอร์ (Tower) โดย LLM เป็นโมเดล AI ที่อยู่เบื้องหลังแอปพลิเคชันอย่างแชตจีพีที (ChatGPT) ของโอเพนเอไอ (OpenAI)
วาสโก เปโดร ซีอีโอของอันบาเบล ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) ว่า LLM ของอันบาเบลช่วยให้ AI สามารถแปลภาษาได้ถึง 32 ภาษา
จากการตรวจสอบบนเว็บไซต์ของบริษัทฯ บริการนี้ยังไม่รองรับภาษาไทย
เปโดรกล่าวว่า "ตอนที่เราเริ่มก่อตั้งอันบาเบลขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน AI ยังทำไม่ได้ถึงขั้นนี้ เราจึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างโซลูชันที่ผสมผสานมนุษย์และ AI เข้าด้วยกัน ... แต่ตอนนี้ ผมเริ่มนึกขึ้นได้เป็นครั้งแรกว่า เราเชื่อว่าการแปลภาษาอยู่ในขอบเขตความสามารถของ AI อย่างเต็มรูปแบบแล้ว และเราสามารถทำอะไรได้หลายอย่างในแง่ของการแปลภาษาโดยไม่จำเป็นต้องใช้มนุษย์เข้ามาช่วยแล้ว"
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมของอันบาเบลเป็นผลิตภัณฑ์ที่รวมเอาการเรียนรู้ด้วยตัวเองของคอมพิวเตอร์ (ML) ซึ่งเป็น AI ชนิดหนึ่งเพื่อใช้ในการแปลคำ เข้ากับมนุษย์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบแก้ไขในขั้นตอนสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม เปโดรระบุว่า Widn.AI ไม่จำเป็นต้องใช้มนุษย์มาช่วยแล้ว
"ผมคิดว่ามนุษย์ยังคงมีข้อได้เปรียบเล็กน้อยในกรณีที่การใช้งานนั้นซับซ้อนมาก แต่ข้อได้เปรียบนั้นจัดว่าเล็กน้อยมาก ยกเว้นในกรณีการใช้งานที่ยากลำบากมากจริง ๆ เราเชื่อว่า AI กำลังจะไปถึงจุดนั้นแล้ว และมันยากแล้วที่ผมจะมองว่าในอีก 3 ปีหน้าเรายังจำเป็นต้องใช้มนุษย์ในการแปลอะไรก็ตามอยู่" เปโดรกล่าว