รัฐบาลออสเตรเลียได้เสนอร่างกฎหมายต่อรัฐสภาในวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) โดยมีเป้าหมายเพื่อห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย และเสนอให้กำหนดโทษปรับสูงสุด 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ละเมิดกฎหมายนี้อย่างเป็นระบบ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ออสเตรเลียวางแผนที่จะทดลองใช้ระบบตรวจสอบอายุ ซึ่งอาจใช้วิธีไบโอเมตริกซ์ (เช่น สแกนลายนิ้วมือหรือใบหน้า) หรือบัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาล เพื่อบังคับใช้ข้อจำกัดอายุในการใช้โซเชียลมีเดีย โดยมาตรการนี้ถือว่าเข้มงวดที่สุดเท่าที่เคยมีประเทศใดออกกฎมา
ข้อเสนอนี้กำหนดอายุเข้มงวดยิ่งกว่าประเทศอื่น ๆ ทั้งหมด และจะไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าเยาวชนคนนั้นจะได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองหรือมีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้วหรือไม่ก็ตาม
"นี่คือการปฏิรูปครั้งสำคัญ เรารู้ว่าเด็กบางคนจะหาช่องทางหลีกเลี่ยงได้ แต่เรากำลังส่งสัญญาณไปถึงบริษัทโซเชียลมีเดียให้รับผิดชอบต่อการกระทำของตน" นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี กล่าวในแถลงการณ์
ทั้งนี้ รัฐบาลพรรคแรงงานนำโดยนายกฯ อัลบาเนซียืนยันมาโดยตลอดว่าการใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไปก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็ก โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อเด็กผู้หญิงจากการเห็นภาพรูปร่างหรือรูปลักษณ์ของร่างกายที่สร้างค่านิยมผิด ๆ และความเสี่ยงต่อเด็กผู้ชายจากการเห็นเนื้อหาที่แสดงความเกลียดชังหรือดูถูกผู้หญิง
"สำหรับเยาวชนชาวออสเตรเลียจำนวนมาก โซเชียลมีเดียอาจเป็นอันตรายได้ เกือบ 2 ใน 3 ของชาวออสเตรเลียอายุ 14-17 ปี เคยดูเนื้อหาที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งทางออนไลน์ เช่น เรื่องการใช้ยาเสพติด การฆ่าตัวตาย หรือการทำร้ายตัวเอง" รัฐมนตรีกระทรวงการสื่อสาร มิเชล โรว์แลนด์ กล่าวต่อรัฐสภาในวันพฤหัสบดี
โรว์แลนด์กล่าวว่า กฎหมายที่เสนอนี้จะมีข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวด รวมถึงการกำหนดให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ต้องทำลายข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมได้ เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้
"สื่อสังคมออนไลน์มีหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคม นั่นคือเหตุผลที่เรากำลังทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้" โรว์แลนด์กล่าว