ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ คาดว่าจะทำการตัดสินภายในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ว่า จะตัดสินยืนตามกฎหมายที่กำหนดให้ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทของจีน ต้องขายธุรกิจแอปวิดีโอสั้นยอดนิยม ติ๊กต๊อก (TikTok) ในสหรัฐฯ ภายในต้นปีหน้าหรือไม่ มิฉะนั้นอาจต้องเผชิญกับการห้ามใช้งานแอปนี้ในสหรัฐฯ
ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวไว้ว่า เขาจะไม่ยอมให้ติ๊กต๊อก ซึ่งมีผู้ใช้งานชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคน ต้องถูกแบน
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์เขตโคลัมเบียมักจะประกาศคำตัดสินในวันอังคารและวันศุกร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สถานการณ์ที่เป็นไปได้ที่คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาลอุทธรณ์เขตโคลัมเบียอาจพิจารณามีอยู่ 3 ทางได้แก่
1. ศาลตัดสินยืนตามกฎหมาย
ผู้พิพากษาในคดีนี้ซึ่งได้แก่ ศรี ศรีนิวาสัน, เนโอมี เรา และดักลาส กินส์เบิร์ก กำลังพิจารณาคำร้องของติ๊กต๊อกและผู้ใช้งานที่ยื่นคัดค้านกฎหมายที่กำหนดให้ไบต์แดนซ์ต้องขายกิจการติ๊กต๊อกในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 19 ม.ค. มิฉะนั้นจะถูกแบน
ศาลอาจตัดสินยืนตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะสนับสนุนจุดยืนของรัฐบาลสหรัฐฯ และอาจทำให้ติ๊กต๊อกต้องรีบยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดหรือขอให้ศาลอุทธรณ์เขตโคลัมเบียทำการพิจารณาใหม่
2. ศาลตัดสินยืนตามกฎหมาย แต่ชี้ว่าไม่เป็นธรรมต่อติ๊กต๊อก
กระทรวงยุติธรรมระบุว่า ติ๊กต๊อกภายใต้การถือครองของจีนนั้นเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมากของชาวอเมริกัน และจีนอาจควบคุมข้อมูลที่ผู้ใช้งานได้รับ
ศาลอาจตัดสินยืนตามกฎหมาย แต่ระบุว่ากฎหมายดังกล่าวไม่เป็นธรรมกับไบต์แดนซ์และติ๊กต๊อก เพราะขัดกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ห้าม "กฎหมายลงโทษเฉพาะกลุ่ม" (Bills of Attainder) ซึ่งเป็นกฎหมายที่กำหนดโทษเฉพาะบุคคล องค์กร หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยศาลอาจสั่งให้รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินกระบวนการเพื่อรับรองว่า ติ๊กต๊อกเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ติ๊กต๊อกมีโอกาสหรือสามารถชะลอการสั่งแบนได้
3. ศาลตัดสินว่ากฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ศาลอาจเห็นด้วยกับติ๊กต๊อกและไบต์แดนซ์ ซึ่งโต้แย้งว่ากฎหมายนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญและละเมิดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของชาวอเมริกัน โดยพวกเขาเรียกกฎหมายนี้ว่า "การเบี่ยงเบนอย่างรุนแรงจากแนวทางปฏิบัติของประเทศที่สนับสนุนอินเทอร์เน็ตที่เสรี"
กระทรวงยุติธรรมอาจยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดหรือขอให้ศาลอุทธรณ์เขตโคลัมเบียพิจารณาคดีใหม่