บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของไต้หวันอย่าง TSMC ยังคงเชื่อมั่นว่า รัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ จะยังคงสานต่อการสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ต่อไป แม้โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยกล่าวหาว่าไต้หวัน "ขโมย" อุตสาหกรรมชิปของสหรัฐฯ ก็ตาม
บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (TSMC) ได้รับคำมั่นสัญญาว่าจะได้รับเงินสนับสนุนจำนวน 6.6 พันล้านดอลลาร์ภายใต้กฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์ (CHIPS and Science ACT) ในยุครัฐบาลโจ ไบเดน เพื่อใช้สร้างโรงงานผลิตชิปล้ำสมัย 3 แห่งในรัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามผลักดันให้สหรัฐฯ ผลิตชิปได้เองในประเทศ
เวนเดล หวง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ TSMC ให้สัมภาษณ์พิเศษกับซีเอ็นบีซีว่า เงินสนับสนุนดังกล่าวคาดว่าจะยังคงทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องในยุคทรัมป์ ตามความคืบหน้าของการก่อสร้างและการผลิต
"ในความเป็นจริง ไตรมาสที่สี่ที่ผ่านมา เราได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลงวดแรกแล้ว" หวงกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า TSMC ได้รับเงินไปแล้ว 1.5 พันล้านดอลลาร์
หวงกล่าวเสริมว่า หลังจากประสบปัญหาการผลิตล่าช้าบ้าง โรงงานผลิตแห่งแรกในรัฐแอริโซนาได้เริ่มผลิตชิปขั้นสูงแล้วในไตรมาสที่ 4/2567 และการก่อสร้างโรงงานอีกสองแห่งในแอริโซนากำลังดำเนินไปตามแผน โดยคาดว่าโรงงานแห่งที่สองจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2571
TSMC ประกาศการลงทุนครั้งแรกในรัฐแอริโซนาเมื่อเดือนพ.ค. 2563 โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมในทั้งสามโครงการมากกว่า 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์
การลงทุนส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลไบเดนได้ลงนามในกฎหมาย CHIPS Act ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคในเดือนส.ค. 2565 โดยมุ่งมั่นที่จะลงทุนเกือบ 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศและถ่วงดุลอำนาจจีน
แม้ทรัมป์จะให้ความสำคัญกับการแข่งขันกับจีนและการผลิตภายในประเทศในการเป็นปธน.สมัยที่สอง แต่ก็มีการถกเถียงกันว่า ทรัมป์และสภาผู้แทนราษฎรที่นำโดยพรรครีพับลิกันจะทบทวนกฎหมาย CHIPS Act หรือไม่
ระหว่างการรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายนี้และงบประมาณที่ใช้อย่างเปิดเผย โดยเสนอว่าการใช้มาตรการทางภาษีจะมีประสิทธิภาพมากกว่าในการดึงการผลิตชิปกลับสู่ประเทศ และยังกล่าวหาว่าไต้หวัน "ขโมย" ธุรกิจชิปของสหรัฐฯ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในวงการได้ให้ความเห็นกับซีเอ็นบีซีว่า พวกเขาคาดว่าทรัมป์จะคงนโยบายส่วนใหญ่ไว้ดังเดิม เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคในรัฐบาลสหรัฐฯ