สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในวันนี้ (23 ม.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดียได้เชิญผู้บริหารของแอปเปิ้ล (Apple), กูเกิล (Google) และผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายอื่น ๆ เข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับการขอให้บริษัทเหล่านี้อนุญาตให้ผู้ใช้ชาวอินเดียสามารถเข้าถึงแอปสโตร์ของรัฐบาลอินเดีย (GOV.in) ได้โดยตรงผ่านแอปสโตร์ของบริษัทเหล่านั้น รวมถึงแอปสโตร์ (App Store) ของแอปเปิ้ลและเพลย์สโตร์ (Play Store) ของแอนดรอยด์ (Android)
กระทรวงฯ มีเป้าหมายเพื่อขยายการเข้าถึงบริการสาธารณะผ่านเทคโนโลยี โดยต้องการให้ชุดแอป GOV.in ถูกติดตั้งล่วงหน้าบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ก่อนวางจำหน่าย และสามารถดาวน์โหลดได้จากแหล่งอื่นโดยไม่มีการแจ้งเตือนว่าเป็น "แหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ"
แหล่งข่าวระบุว่า กูเกิล ซึ่งมีระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดสมาร์ตโฟนในอินเดียกว่า 90% นั้น แสดงท่าทีคัดค้านข้อเรียกร้องดังกล่าว ขณะที่แอปเปิ้ลเองก็มีแนวโน้มที่จะไม่ยินยอมเช่นกัน
ในการประชุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการออกนโยบายบังคับ หรือใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อให้แอปเปิ้ลและกูเกิลปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง
อนึ่ง แอปเปิ้ลและกูเกิลมีอำนาจควบคุมแอปสโตร์ของตนอย่างเข้มงวด โดยมีการตรวจสอบและคัดกรองแอปที่เผยแพร่เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและคุณภาพ ซึ่งรูปแบบธุรกิจดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการผูกขาดทางการค้า
ปัจจุบัน แอปต่าง ๆ ของรัฐบาลอินเดียมีให้บริการแยกกันบนแอปสโตร์และเพลย์สโตร์อยู่แล้ว แต่รัฐบาลเชื่อว่า การรวมแอปเหล่านี้ไว้ในชุดแอป GOV.in จะช่วยเพิ่มอัตราการใช้งาน
ทั้งนี้ อินเดียมีประวัติในการบังคับใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดกับบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติ รวมถึงการห้ามใช้แอปติ๊กต๊อก (TikTok) ในปี 2563 และการเรียกร้องให้เมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) เปิดเผยข้อมูลการสนทนาที่เข้ารหัสบนวอทส์แอป (WhatsApp) ซึ่งกรณีหลังยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล นโยบายด้านเทคโนโลยีของอินเดียมักส่งผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ และสร้างความท้าทายให้กับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก
อินเดียเป็นตลาดผู้บริโภคที่สำคัญสำหรับบริษัทเทคโนโลยี โดยเฉพาะในตลาดสมาร์ตโฟน แอปเปิ้ลได้ขยายฐานการผลิตในอินเดีย โดยปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนกว่า 14% ของการผลิตไอโฟน (iPhone) ทั่วโลก ส่วนกูเกิลก็มีแผนลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในอินเดียทางตอนใต้ เพื่อผลิตสมาร์ตโฟนพิกเซล (Pixel) รวมถึงลงทุนในบริการดิจิทัลอื่น ๆ