ไต้หวันตอบโต้ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี ยันธุรกิจชิป "วิน-วิน" ทั้งสองฝ่าย

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday January 28, 2025 16:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวันออกมาตอบโต้การขู่ขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (28 ม.ค.) โดยระบุว่า ความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ เป็นความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันอย่างมาก และทั้งสองฝ่ายต่างก็ "วิน-วิน"

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไต้หวันเป็นที่ตั้งของไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค (TSMC) ผู้รับจ้างผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นห่วงโซ่สำคัญในการผลิตเทคโนโลยีระดับโลกให้กับบริษัทอย่างแอปเปิ้ล (Apple) และอินวิเดีย (Nvidia)

ทรัมป์ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าชิป ยา และเหล็กกล้า เพื่อกดดันให้บริษัทผู้ผลิตย้ายฐานการผลิตมายังสหรัฐฯ

กระทรวงเศรษฐกิจของไต้หวันกล่าวในแถลงการณ์ตอบโต้ว่า "อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีอื่น ๆ ของไต้หวันและสหรัฐฯ มีความเกื้อกูลซึ่งกันและกันในระดับสูง โดยเฉพาะรูปแบบ 'สหรัฐฯ ออกแบบ ไต้หวันผลิต' ซึ่งสร้างรูปแบบธุรกิจแบบวิน-วิน สำหรับอุตสาหกรรมของไต้หวันและสหรัฐฯ"

ทางกระทรวงฯ "จะติดตามนโยบายของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งประสานงานและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างสองฝ่าย เพื่อให้แน่ใจว่า ทั้งอุตสาหกรรมและผลประโยชน์ของทั้งไต้หวันและสหรัฐฯ จะสามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างลงตัว ท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ในเวทีโลก"

ในปี 2563 สมัยที่ทรัมป์เป็นปธน.ครั้งแรก TSMC ได้ประกาศแผนสร้างโรงงานในรัฐแอริโซนามูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ นับเป็นความสำเร็จของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พยายามดึงห่วงโซ่การผลิตเทคโนโลยีระดับโลกคืนจากจีน หลังจากนั้น TSMC ได้ขยายแผนการลงทุนเพิ่มเป็น 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์

ต่อมา เมื่อต้นเดือนนี้ กัว จื้อฮุย รัฐมนตรีเศรษฐกิจไต้หวัน ได้ออกมาให้ความเห็นว่า หากทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าชิปเซมิคอนดักเตอร์ก็คงส่งผลกระทบไม่มากนัก เพราะสินค้าของไต้หวันมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหนือกว่า

อีกเรื่องที่อาจเป็นอุปสรรคต่อไต้หวันคือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้สั่งการให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางตรวจสอบปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่เรื้อรัง รวมถึงการค้าที่ไม่เป็นธรรมและกรณีที่มีการกล่าวหาว่าประเทศต่าง ๆ มีการบิดเบือนค่าเงิน

ทั้งนี้ ยอดเกินดุลการค้าของไต้หวันกับสหรัฐฯ นั้น พุ่งสูงขึ้นถึง 83% ในปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับปี 2566 โดยมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดที่ 1.114 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมาจากความต้องการสินค้าไฮเทคอย่างเซมิคอนดักเตอร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ