ซีอีโอของไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเมตา (Meta) ได้ออกโรงปกป้องการใช้จ่ายมหาศาลด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยระบุว่าเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ หลังจากที่ดีปซีค (DeepSeek) บริษัทสตาร์ตอัปจากจีนเปิดเผยถึงความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในด้านการประมวลผล AI ต้นทุนต่ำ ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของ DeepSeek ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในด้าน AI เพราะ DeepSeek อ้างว่า โมเดลของตนสามารถแข่งขันหรือแม้แต่เหนือกว่าคู่แข่งจากตะวันตกได้ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธ (29 ม.ค.) ว่า การสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
"การลงทุนก้อนใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐานและการใช้จ่ายด้านทุน จะเป็นข้อได้เปรียบทางกลยุทธ์ในระยะยาว" มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta กล่าวในการแถลงข่าวหลังเปิดเผยผลประกอบการ
ด้านสัตยา นาเดลลา ซีอีโอของ Microsoft กล่าวว่า การใช้จ่ายเหล่านี้จำเป็น เพราะข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตเคยเป็นอุปสรรคของบริษัทในการใช้ประโยชน์จาก AI อย่างเต็มที่
"เมื่อ AI มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้มากขึ้น เราจะเห็นความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล" นาเดลลากล่าวในการประชุมกับนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ Microsoft กำหนดงบสำหรับ AI ไว้ที่ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีงบการเงินปัจจุบัน ขณะที่ Meta ตั้งงบด้าน AI ไว้สูงสุดที่ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์
งบดังกล่าวแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ DeepSeek ที่ใช้เงินเพียง 6 ล้านดอลลาร์ในการพัฒนาโมเดล AI
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทมองว่า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านพลังประมวลผลเท่านั้น ไม่ใช่ต้นทุนการพัฒนาทั้งหมด