มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเมตา (Meta) ได้ยอมรับประเด็นสำคัญกลางศาล ในการไต่สวนคดีต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ วันนี้ (15 เม.ย.) โดยเผยว่า เหตุผลที่ตัดสินใจซื้ออินสตาแกรม (Instagram) ณ เวลานั้น เป็นเพราะแพลตฟอร์มดังกล่าวมีกล้องที่ "ดีกว่า" ของที่เฟซบุ๊ก (Facebook) แอปพลิเคชันหลักของบริษัท กำลังพยายามพัฒนาอยู่
คำยอมรับนี้ยิ่งตอกย้ำข้อกล่าวหาของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการผูกขาดของสหรัฐฯ ที่ว่า เมตาใช้กลยุทธ์ "ซื้อหรือฝังกลบ" (buy or bury) เพื่อควบรวมกิจการคู่แข่งที่มีแววรุ่ง กีดกันรายย่อย และผูกขาดตลาดอย่างผิดกฎหมาย
การให้การดังกล่าวมีขึ้นในวันที่สองของการไต่สวนคดี ณ กรุงวอชิงตัน ซึ่งคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FTC) กำลังเดินเรื่องเพื่อให้เมตาต้องปรับโครงสร้างหรือขายกิจการที่ซื้อมาอย่างอินสตาแกรมและวอตส์แอป (WhatsApp) สองสินทรัพย์ล้ำค่าของบริษัท
เมื่อถูกทนายความฝั่ง FTC ซักถามว่า ซักเคอร์เบิร์กเคยมองหรือไม่ว่า อินสตาแกรมที่กำลังโตวันโตคืนอาจเป็นภัยคุกคามต่อเมตา (หรือเฟซบุ๊กในขณะนั้น) ซักเคอร์เบิร์กตอบว่า เขาเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์กล้องของอินสตาแกรมนั้นเหนือกว่าที่เฟซบุ๊กกำลังสร้าง
"เรากำลังชั่งน้ำหนักระหว่างการสร้างเองเทียบกับการซื้อกิจการ" ขณะที่อยู่ในช่วงพัฒนากล้องของตัวเอง "ผมมองว่าอินสตาแกรมทำตรงนั้นได้ดีกว่า เลยคิดว่าซื้อพวกเขามาน่าจะดีกว่า" ซักเคอร์เบิร์กกล่าว
ซักเคอร์เบิร์กยังยอมรับด้วยว่า ความพยายามหลายต่อหลายครั้งของบริษัทในการสร้างแอปพลิเคชันของตนเอง ประสบความล้มเหลว
"การสร้างแอปใหม่เป็นเรื่องยาก และบ่อยครั้งเหลือเกินที่ความพยายามของเราไม่ประสบผล" ซักเคอร์เบิร์กให้การต่อศาล
"ตลอดประวัติศาสตร์บริษัท เราน่าจะเคยพยายามสร้างแอปมาแล้วเป็นสิบ ๆ ตัว แต่ส่วนใหญ่ก็ไปไม่รอด"