ทั้งสองประเทศยังเห็นพ้องที่จะเร่งการเจรจาเกี่ยวกับสนธิสัญญา ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความมั่นคงในการค้าและการลงทุนอย่างเสรีและเป็นธรรม ในระหว่างการเจรจาระดับรัฐมนตรีด้านยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจที่วอชิงตัน
นายเจ็ค ลิว รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวในช่วงท้ายของการประชุมระยะเวลา 2 วันว่า "ขณะที่มติการประชุมในวันนี้ไม่สามารถคลายความกังวลทั้งหมดของแต่ละฝ่ายได้ แต่ก็แสดงถึงความคืบหน้าอย่างแท้จริง"
นายหวัง หยาง รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า รัฐบาลทั้งสองประเทศได้ตกลงกระชับความร่วมมือเพื่อจัดการกับประเด็นทางการเงิน เช่น ข้อกำหนดสถาบันการเงิน และ "ระบบธนาคารเงา" โดยระบุว่าผู้ปล่อยกู้ที่ไม่ใช่ธนาคารมีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารทุนและเงินกู้นอกระบบที่น่าสงสัย
สหรัฐและจีนได้ตกลงเกี่ยวกับแผนริเริ่ม 5 ประการ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การส่งเสริมระบบส่งผ่านพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "smart grid" ในระหว่างการเจรจาด้านยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจครั้งที่ 5
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองประเทศยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนในประเด็นข้อพิพาททวิภาคีว่าด้วยความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างอ้างว่าการโจมตีทางไซเบอร์ภายในประเทศของตนนั้นมีต้นตอมาจากอีกฝ่าย
ทางด้านนายวิลเลียม เบิร์นส์ รมช.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า "ในการประชุมนี้ เราได้เน้นย้ำว่าการขโมยความลับทางการค้า, ทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลลับทางธุรกิจผ่านทางโลกไซเบอร์นั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้"
นายหยาง เจียฉือ สมาชิกสภาแห่งชาติของจีน ซึ่งเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ระบุว่าจีนเป็น "เหยื่อ" ในเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์
นอกจากนี้ รัฐบาลของทั้งสองประเทศยังมีความไม่ลงรอยกัน ในกรณีที่จีนได้ให้ความช่วยเหลือนายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองกลางของสหรัฐ
นายเบิร์นเผยว่ารัฐบาลสหรัฐรู้สึก "ผิดหวัง" กับทางรัฐบาลจีนที่ปล่อยให้จอมแฉผู้นี้เดินทางออกจากฮ่องกงไปยังรัสเซีย ทั้งๆที่ทางสหรัฐได้ขอให้ทางการจับตัวไว้
"การกระทำของจีนในครั้งนี้ไม่มีความสอดคล้องกับที่เราได้ทำข้อตกลงไว้ที่ซันนี่แลนด์" นายเบิร์นกล่าว โดยอ้างถึงสถานที่ที่เคยใช้จัดการประชุมสหรัฐ-จีน เมื่อเดือนที่แล้วในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ได้ตกลงสร้าง "โมเดลใหม่" ของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี สำนักข่าวเกียวโดรายงาน