ทำเนียบขาวได้แสดง "ความผิดหวังอย่างยิ่ง" ที่รัสเซียตัดสินใจให้ที่พักพิงชั่วคราวแก่นายสโนว์เดน และระบุว่าสหรัฐอยู่ระหว่างประเมินเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดระดับประธานาธิบดีที่กำหนดไว้ในเดือนกันยายน
"เราผิดหวังเป็นอย่างมากที่รัฐบาลรัสเซียจะใช้แนวทางนี้ ทั้งๆที่เราได้เรียกร้องตามกฎหมายอย่างชัดเจนมากทั้งต่อสาธารณชนและเป็นการส่วนตัว เพื่อให้ส่งตัวนายสโนว์เดนกลับมาสหรัฐเพื่อพิจารณาคดีในข้อหาต่างๆ" นายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยในการแถลงข่าวประจำวัน
"ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลรัสเซียได้บั่นทอนความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งความร่วมมือได้มีความคืบหน้าด้วยดีนับตั้งแต่เหตุระเบิดที่งานบอสตัน มาราธอนเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ปีนี้" นายคาร์นีย์กล่าวเสริม
นายสโนว์เดนได้ติดอยู่ในอาคารที่พักผู้โดยสารที่รอเปลี่ยนเครื่องของสนามบินเชเรเมตเยโวในกรุงมอสโกนับตั้งแต่ที่เขาเดินทางมาถึงเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. และได้เดินทางออกมาจากบริเวณดังกล่าวเพื่อไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยในรัสเซียเมื่อวานนี้ ภายหลังสำนักงานบริการผู้อพยพกลางของรัสเซียอนุมัติให้นายสโนว์เดนลี้ภัยชั่วคราวเป็นเวลา 1 ปี
นายสโนว์เดน อดีตพนักงานสัญญาจ้างของหน่วยข่าวกรองสหรัฐ วัย 30 ปี ได้ถูกเพิกถอนพาสปอร์ต และถูกตั้งข้อหาจรากรรม ลักทรัพย์ และเปิดเผยข้อมูลความมั่นคงและข่าวกรองโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากที่เขาได้เปิดโปงโครงการดักฟังโทรศัพท์และเจาะระบบอินเทอร์เน็ตระดับพระกาฬของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ (NSA) เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การที่รัสเซียออกมาปฏิเสธที่จะทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้ส่งตัวสโนว์เดนกลับสหรัฐนั้น ทำให้เกิดปัญหากับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งอยู่ในภาวะที่ตึงเครียดอยู่แล้วจากความคิดเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นซีเรีย
ทำเนียบขาวได้ปฏิเสธที่จะพูดถึงการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ซึ่งปธน.โอบามาจะเดินทางไปรัสเซียในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้เพื่อร่วมการประชุมจี-20 ในเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า "ผมยังไม่มีประกาศกำหนดการในวันนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีความคืบหน้าในเชิงบวก เรามีผลประโยชน์ร่วมกับรัสเซียมากมาย และเรากำลังประเมินประโยชน์ที่จะได้รับจากการประชุมสุดยอดดังกล่าว"
นายคาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวต่ออีกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซียนั้นขึ้นอยู่กับ "สถานการณ์จริง" และความพยายามของปธน.โอบามาที่จะ "รื้อฟื้น" ความสัมพันธ์แบบทวิภาคีครั้งใหม่ หลังจากที่ความสัมพันธ์ดังกล่าวในช่วงสมัยแรกของการดำรงตำแหน่งปธน.ได้ก่อให้เกิด "ผลประโยชน์ในเชิงบวก" ให้กับสหรัฐ อาทิ การร่วมมือกับรัสเซียในเรื่องอัฟกานิสถานและอิหร่าน รวมถึงการลงนามในสนธิสัญญาลดอาวุธเชิงกลยุทธ์ครั้งใหม่
นายยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซีย พยายามที่จะมองข้ามผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ปรเทศ โดยระบุว่า รัสเซียรับรู้ถึงสถานการณ์เรื่องสโนว์เดนในสหรัฐ แต่ยังไม่มี "สัญญาณใดๆ" ที่บ่งชี้ว่าปธน.โอบามาจะยกเลิกการเดินทางเยือนรัสเซียในเดือนกันยายน
สำนักข่าวในรัสเซียต่างรายงานว่า "ปัญหาการลี้ภัยของสโนว์เดนไม่มีความสำคัญมากพอที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการเมืองของทั้ง 2 ประเทศ"
ปธน.ปูติน ซึ่งเรียกนายสโนว์เดนว่า "ผู้โดยสารที่รอเปลี่ยนเครื่อง" ผู้มาเยือนรัสเซียโดยมิได้เชื้อเชิญ ได้กล่าวย้ำว่า รัสเซียจะไม่ทำลายความสัมพันธ์ที่มีต่อสหรัฐ
เขาระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐ "มีความสำคัญมากกว่าเรื่องอื้อฉาวที่เกี่ยวกับข่าวกรอง"
บรรดาผู้เชี่ยวชาญชาวรัสเซียเชื่อมั่นว่า ผลกระทบจากเหตุการณ์สโนว์เดนที่อาจจะเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ของรัสเซียและสหรัฐนั้น เป็นเรื่องที่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากนายสโนว์เดนจะออกจากพรมแดนรัสเซียไม่ช้าก็เร็ว และสหรัฐก็ไม่มีแนวโน้มที่จะดำเนินมาตรการใดๆที่จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี
นางเวโรนิกา กราเชนินนิโควา ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาวิจัยและกำหนดนโนบายต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวว่า "สหรัฐจะกดดันรัสเซียมากยิ่งขึ้น แต่พวกเขาค่อนข้างมีทางเลือกหรือเครื่องมือที่ค่อนข้างจำกัดสำหรับสถานการณ์นี้"
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะ "ไม่ทำให้ความสัมพันธ์ย่ำแย่ลงกว่านี้ เนื่องจากสหรัฐต้องการรัสเซียมากกว่าที่รัสเซียต้องการสหรัฐ" โดยระบุถึงประเด็นต่างๆ เช่น อิหร่าน ซีเรียและประเด็นอื่นๆ
นายเซอร์ไก คารากานอฟ นักวิเคราะห์ทางการเมืองจากคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัยแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า ในขณะนี้ ทางการรัสเซีย "ได้ขอเวลาพักชั่วคราวเพื่อคิดว่าจะทำอย่างไรกับสโนว์เดนต่อไป และวิถีทางที่จะหลุดพ้นจากเหตุการณ์นี้"
เขากล่าวว่า นายสโนว์เดนต้องรักษาสัญญาที่ว่าจะไม่เผยแพร่ข้อมูลที่ขัดต่อผลประโยชน์ของสหรัฐ ถ้าเขาไม่อยากถูกขับออกจากประเทศ