"สหรัฐขอประณามการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมในอียิปต์" จอช เอิร์นเนสต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวในแถลงการณ์ "เราขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้"
นายโมฮัมเหม็ด มอร์ซี ประธานาธิบดีอียิปต์คนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง ถูกกองทัพขับออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา บรรดาผู้สนับสนุนนายมอร์ซีจึงรวมตัวประท้วงที่จัตุรัส 2 แห่งในกรุงไคโรเพื่อเรียกร้องให้คืนตำแหน่งให้นายมอร์ซี ก่อนจะถูกกองกำลังรักษาความมั่นคงของอียิปต์เข้าสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว
ไม่กี่ชั่วโมงหลังการสลายการชุมนุม ประธานาธิบดีเฉพาะกาลของอียิปต์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเป็นเวลา 1 เดือน โดยประกาศเคอร์ฟิวในกรุงไคโรและอีก 10 จังหวัด พร้อมกับอนุญาตให้กองกำลังรักษาความมั่นคงจับกุมและควบคุมตัวพลเรือนได้โดยไม่ต้องตั้งข้อหา
โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า "เราขอให้กองทัพอียิปต์และกองกำลังรักษาความมั่นคงอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด และขอให้รัฐบาลเคารพสิทธิของประชาชน เช่นเดียวกับที่เราขอให้ประชาชนชุมนุมอย่างสงบ"
"ความรุนแรงรังแต่จะทำให้การสร้างประชาธิปไตยและความมั่นคงอย่างยั่งยืนในอียิปต์ยากลำบากมากขึ้น และสวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลเฉพาะกาลให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าจะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น" เขากล่าว
ทั้งนี้ สหรัฐเลือกที่จะไม่ตราหน้าว่ากองทัพอียิปต์ทำรัฐประหาร ทำให้สหรัฐยังให้เงินช่วยเหลือกองทัพอียิปต์ปีละ 1.3 พันล้านดอลลาร์ต่อไปได้ แต่สหรัฐได้ระงับการส่งเครื่องบิน F-16 จำนวน 4 ลำให้อียิปต์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสหรัฐไม่พอใจกับวิธีที่กองทัพอียิปต์รับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน