โตเกียวสามารถเบียดเอาชนะคู่แข่งสำคัญอย่าง มาดริด และอิสตันบูล ไปได้อย่างท่วมท้นในการประชุมคัดเลือกรอบสุดท้ายที่บัวโนสไอเรส หลังจากที่อิสตันบูลได้คะแนนเท่ากับเมืองหลวงของสเปนในการคัดเลือกรอบแรก โดยโตเกียวได้รับคะแนนเสียงสูงกว่าอิสตันบูล 60 ต่อ 32 เสียง ส่งผลให้โตเกียวกลายเป็นเมืองลำดับที่ 5 ในประวัติศาสตร์ที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพครั้งแรกในปีพ.ศ. 2507 (1964)
ผลการคัดเลือกเป็นยิ่งกว่าความสุขสำหรับชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่นที่กล่าวว่า เขาดีใจมากกว่าที่ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีเสียอีก พร้อมกลับกล่าวสั้นๆว่า “ผมยิ่งกว่าดีใจ และขอแบ่งปันความรู้สึกนี้ร่วมกับชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ"
ทั้งนี้ การพิจารณาคัดเลือกเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมีขึ้นทั้งหมด 3 รอบ การได้รับเสียงสนับสนุนเท่ากันระหว่างมาดริดและอิสตันบูลส่งผลให้ต้องมีการออกเสียงคัดเลือกใหม่ ซึ่งอิสตันบูลสามารถเบียดเอาชนะไปได้อย่างเฉียดฉิวที่ 49 ต่อ 45 เสียง ก่อนที่จะมาพ่ายแพ้ให้กับโตเกียวในรอบสุดท้าย
สมาชิกอาวุโสของ IOC แสดงความเห็นต่อชัยชนะของโตเกียวว่า เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยมากกว่าเมื่อเทียบกับมาดริดและอิสตันบูล ซึ่งดูเหมือนว่าทั้งสองเมืองต่างก็สร้างความสงสัยให้กับคณะกรรมการในเรื่องของความพร้อม
ทีมงานเบื้องหลังของญี่ปุ่นพร้อมใจกันทำงานหนัก
สำหรับทีมงานญี่ปุ่น การคาดการณ์เกี่ยวกับผลการคัดเลือกของ IOC ในที่ประชุมสามัญนับเป็นส่วนสำคัญในแผนเพื่อให้ได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2563 และทีมงานได้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด จวบจนกระทั่งถึงการลงคะแนนเสียงในรอบสุดท้าย
ทีมงานของญี่ปุ่นที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์โดยตรงจากความล้มเหลวในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปีกในปี 2559 (2016) ได้ใช้กลยุทธ์การล็อบบี้เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงในฝ่ายบริหารซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยชี้คอาหมัด อัล-ฟาฮัด อัล-ซาบาห์ ผู้ทรงอิทธิพลจากคูเวตที่ผลักดันให้นายโธมัส แบคช์ รองประธาน IOC จากเยอรมนี ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานแทนนายฌาคส์ ร็อกก์ ในการประชุมเลือกตั้งครั้งล่าสุด
นายอัล-ซาบาห์ ซึ่งเป็นประธานสภาโอลิมปิกเอเชียและเป็นที่รู้จักกันในบรรดาสมาชิกคณะกรรมการ IOC ว่าเป็น “ผู้แต่งตั้งพระราชา" นับเป็นบุคคลที่มีสายสัมพันธ์อย่างแนบแฟ้นกับบรรดาคณะกรรมการคนสำคัญ ซึ่งที่ปรึกษาทีมงานญี่ปุ่นรายหนึ่งระบุว่า “การเลือกตั้งประธาน IOC คนใหม่และประเทศเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วล่วงหน้า"
เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนอย่างแน่นอน นายสึเนคาซู ทาเคดะ หัวหน้าทีมญี่ปุ่นระบุว่า ญี่ปุ่นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจาก IOC อย่างน้อย 40 เสียง ในการลงคะแนนลับในรอบแรก โดย 1 วันก่อนการออกเสียง ญี่ปุ่นคาดว่าจะได้รับเสียงสนับสนุน 41 เสียงแต่ก็มั่นใจว่าจะได้มากถึง 43 เสียง และได้มาทั้งหมด 42 เสียงจากคณะกรรมการทั้งหมด 94 คน ยังขาดอีก 6 เสียงในการได้รับชัยชนะเกินกึ่งหนึ่ง
“เรามีความพร้อมด้านการเงิน" นายมาซาโตะ มิซูโน ประธานทีมงานเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโตเกียว 2020 (Tokyo 2020) และอดีตประธานบริษัทมิซูโน โค. ผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาระดับโลกกล่าว “เรามีประสบการณ์จากการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในปี 2559 และได้ทำการศึกษาเพื่อให้มั่นใจว่าเราได้ใช้ความได้เปรียบตามแผนที่วางไว้ของทีมญี่ปุ่น"
หัวใจสำคัญก็คือ การได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิก IOC ที่เคยโหวตให้กับญี่ปุ่นในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกในปี 2559 และสิ่งที่สำคัญ ต้องทำให้ชี้คจากอาหรับจนมุม โดยก่อนหน้านี้ ผู้สมัครที่ได้รับการสนับสนุนจากชี้คอัล-ซาบาห์ในการเลือกตั้ง IOC 2 ครั้งก่อนหน้านี้ต่างก็ได้รับชัยชนะทั้ง 2 คน
มีกระแสข่าวลือในเดือนสิงหาคมว่า ชี้คอัล-ซาบาห์ระบุว่ามาดริดเป็นคู่แข่งที่สำคัญในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2563 ส่งผลให้รัฐบาลญี่ปุ่นมอบหมายให้นายโยชิฮีโร โมริ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเป็นตัวแทนดำเนินการล็อบบี้ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และนายทาเคดะทำหน้าที่ล็อบบี้ในกลุ่มประเทศแถบยุโรป
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่นกล่าวว่า เจ้าหญิงฮิซาโกะของญี่ปุ่น นายโมริ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้หารือเป็นการส่วนตัวร่วมกับนายลามีน ไดแอค ประธานสหพันธ์กรีฑานานาชาติในโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมสามัญของ IOC นับเป็นครั้งแรกที่เชื้อพระวงศ์ญี่ปุ่นได้ประชุมร่วมกับ IOC
ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งของ IOC จะปิดเป็นความลับจนกว่าประธาน IOC จะประกาศอย่างเป็นทางการ
ชาวญี่ปุ่นยิ่งกว่าดีใจ
ชาวญี่ปุ่นหลายพันคนที่อดนอนตลอดทั้งคืนเพื่อรอดูผลการคัดเลือกเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกต่างก็แสดงความดีใจที่โตเกียวได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพในปี 2563 ซึ่งนักกีฬาญี่ปุ่นกล่าวว่า ผลการลงคะแนนดังกล่าวเป็นเรื่อง “ในฝัน" ในขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวทั้งน้ำตา
ทีวีเกือบทุกช่องของญี่ปุ่นได้ถ่ายทอดสดผลการคัดเลือกในเวลา 05.20 น. ตามเวลาในประเทศ ในขณะที่สถานี NHK ของรัฐบาลญี่ปุ่นเกาะติดสถานการณ์มาตั้งแต่ 7 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
ทันทีที่นายฌาคส์ ร็อกก์ ประธาน IOC ประกาศผลการตัดสินใจของคณะกรรมการ ทีมงานญี่ปุ่นต่างก็กระโดดขึ้นจากเก้าอี้พร้อมสวมกอดกันและกันและตะโกนอย่างยินดี ขณะที่ประชาชนราว 1,200 คนที่รวมตัวกันที่หอการค้าโตเกียวเพื่อรอลุ้นผลการคัดเลือกต่างก็แสดงความดีใจในทำนองเดียวกัน ส่วนประชาชนที่รวมตัวกันที่สวนสาธารณะโคมาเซวะ โอลิมปิก ปาร์ค ในโตเกียวพากันฉลองชัยด้วยการจุดพลุริบบิ้นและปล่อยลูกโป่ง
ตลาดหุ้นโตเกียวพุ่งแรง ขานรับข่าวดี
นักลงทุนคาดว่า ชัยชนะเหนือมาดริดและอิสตันบูลของโตเกียวในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกในปี 2563 จะส่งผลให้มีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นในวงเงินประมาณ 3 ล้านล้านเยน (1.92 หมื่นล้านปอนด์) ในช่วง 7 ปีข้างหน้า
ผลกระทบที่เกิดขึ้นในทันทีภายหลังการทราบผลการคัดเลือกก็คือ ค่าเงินเยนได้ปรับตัวลงเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เมื่อตลาดเปิดทำการในเช้าวันจันทร์ ในขณะที่ดัชนีนิกเกอิปิดพุ่งขึ้น 2.5% ทำสถิติสุงสุดในรอบ 1 เดือน
การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยังได้รับปัจจัยหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ขยายตัวในจังหวะที่รวดเร็วขึ้นกว่าที่ได้ประเมินไว้ก่อนหน้านั้น โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับไตรมาสเดือนมกราคม-มีนาคมจาก 3.8% เป็น 4.1%
นอกจากนี้ สำนักงานคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นยังยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของญีปุ่นขยายตัว 3.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายน
เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นรายหนึ่งระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนจะก่อสร้างสนามกีฬา สนามฝึกซ้อม และโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคในเขตเมืองในวงเงิน 4.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่โตเกียวได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2020 จะช่วยกระตุ้นภาคการก่อสร้างและการท่องเที่ยวของประเทศ รวมถึงกระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญต่อแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ รวมทั้งความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์หลังจากที่ประเทศได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อเดือนมีนาคม 2554
“การเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกในปี 2507 (1964) ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นประเทศอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของญี่ปุ่น และคาดว่าการเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกอีกครั้งในปี 2563 จะแสดงให้เห็นถึงการกลับมาของญี่ปุ่น" นักวิเคราะห์ระบุ
โดราเอมอนรับหน้าที่ทูตโอลิมปิก 2020
โดราเอมอน ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนแอนิเมชั่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดของญี่ปุ่นได้รับคัดเลือกให้เป็นทูตกีฬาโอลิมปิก 2020 และกีฬาพาราลิมปิก 2020 นับเป็นครั้งแรกที่การ์ตูนแอนิเมชั่นได้รับคัดเลือกให้เป็นทูตโอลิมปิก
เจ้าหุ่นยนต์แมวอ้วนกลมสีฟ้าที่ถูกส่งมาจากโลกอนาคตโดยเหลนชายเพื่อคอยให้ความช่วยเหลือแก่โนบิตะเมื่อถูกแกล้งโดยใช้ของวิเศษที่หยิบจากกระเป๋าสี่มิติได้ปรากฎตัวเป็นครั้งแรกในปี 2515
โดราเอมอนเคยได้รับคัดเลือกให้เป็นทูต “การ์ตูนแอนิเมชั่น" โดยกระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่นในปี 2551 แต่ก็เป็นข่าวที่เงียบมาก
และเฉกเช่นเดียวกับการแข่งขันเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก การตัดสินใจคัดเลือกโดราเอมอนให้เป็นมาสคอตโอลิมปิกนับเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากของทีมงาน เนื่องจากมีคู่แข่งที่สำคัญอย่างเฮลโล คิตตี้ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตองค์การยูนิเซฟมาตั้งแต่ปี 2526 และยังเป็นทูตการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นสำหรับจีนและฮ่องกงในปี 2551 รวมถึงเจ้ากระต่ายน้อยน่ารักอย่าง My Melody ที่โด่งดังในระดับโลกเช่นเดียวกัน
ทีมงานโตเกียว 2020 กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกโดราเอมอนเป็นทูตโอลิมปิกว่า ความนิยมในโดราเอมอนเป็นตัวแทนที่ทรงพลังที่ช่วยให้ตระหนักถึงคุณค่าที่สำคัญของญี่ปุ่น นั่นก็คือ การนับถือและมิตรภาพ ซึ่งเป็นคุณค่าที่สำคัญสำหรับโอลิมปิกเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ โดราเอมอนยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นในเรื่องการส่งเสริมคนรุ่นใหม่ให้ทำตามความฝันและความหวังของตนเองผ่านทางกีฬา
ทั้งนี้ ทีมงาน In Focus ขอแสดงความยินดีกับญี่ปุ่นที่ได้เป็นตัวแทนของเอเชียในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก พร้อมทั้งเป็นกำลังใจในความพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประเทศ หลังจากที่ต้องต่อสู้กับภาวะเงินฝืดมาอย่างยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ