ฟิทช์ระบุว่า หากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น ฟิทช์จะปรับลอดันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐสู่ “ผิดนัดชำระหนี้ในวงจำกัด" (restricted default) จนกว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะได้รับการแก้ไข และฟิทช์ยังจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศจาก AAA สู่ระดับ B+ ด้วย
อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เชื่อว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรับจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้ได้ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส
เมื่อไม่กี่วันมานี้ มูดีส์ระบุว่า “รัฐบาลสหรัฐจะยังคงจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นสำหรับหนี้สินของประเทศ แม้ว่าเกิดกรณีที่ไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งจะทำให้ไม่มีผลกระทบต่ออันดับเครดิต"
ทั้งนี้ ตลาดทั่วโลกต่างขานรับสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับความคืบหน้าสู่การคลี่คลายปัญหางบประมาณของสหรัฐ เมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันระบุว่าจะเสนอให้ทำเนียบขาวขยายเพดานหนี้ระยะสั้นเป็นเวลา 6 สัปดาห์ เพื่อแลกกับการเจรจาในวงกว้างว่าด้วยการใช้จ่ายของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวก็ได้ส่งสัญญาณว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามาจะเปิดกว้างต่อการเพิ่มเพดานหนี้ระยะสั้นดังกล่าว