ตลาดทั่วโลกมองว่าการที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันระบุว่าจะเสนอให้ทำเนียบขาวขยายเพดานหนี้ระยะสั้นเป็นเวลา 6 สัปดาห์ เพื่อแลกกับการเจรจาในวงกว้างว่าด้วยการใช้จ่ายของรัฐบาลนั้น ถือเป็นสัญญาณบวกสู่การบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณ หลังจากที่ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับภาวะชะงักงันด้านการคลัง ซึ่งรวมถึงการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การหันหน้าเข้าสู่โต๊ะเจรจาของภาคการเมืองสหรัฐยังทำให้นักลงทุนคาดหวังกันว่าสหรัฐจะไม่ต้องเผชิญกับภาวะผิดนัดชำระหนี้ ในขณะที่กำหนดเส้นตายกำลังใกล้เข้ามาในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่กระทรวงการคลังสหรัฐประเมินว่ารัฐบาลกลางสหรัฐจะมีเงินพอที่จะชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.)โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,126.07 จุด พุ่งขึ้น 323.09 จุด หรือ +2.18% เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะปรับเพิ่มเพดานหนี้ชั่วคราวให้กับรัฐบาลกลาง เพื่อผ่าทางตันปัญหาการคลังที่เกิดขึ้นภายในประเทศ
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นขานรับความคืบหน้าดังกล่าวเช่นกัน โดยดัชนี Stoxx 600 ทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 5 เดือน ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันพุ่งขึ้น 1.99% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสทะยานขึ้น 2.21% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนพุ่งขึ้น 1.46%