สื่อต่างชาติรายงานว่า การประชุมครั้งสำคัญที่คาดหวังกันไว้อย่างสูง ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 9-12 พฤศจิกายนนี้ จะมุ่งประเด็นไปที่การปฏิรูปเชิงลึกเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงบทบาทหน้าที่ของรัฐบาล
สื่อ และผู้เชี่ยวชาญบางส่วนระบุว่า การปฏิรูปควรจะมีความทันสมัยดังเช่นในปี 2521 ที่การประชุมใหญ่ครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 11 ที่ยอมรับทิศทางการปฏิรูปแบบใหม่ของผู้นำอาวุโสอย่างเติ้ง เสี่ยวผิง และการเปิดกว้างเพื่อเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจจีนครั้งใหญ่
เว็บไซต์วอลล์สตรีท เจอรั์นัล ระบุว่า "ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจว่าจะมี 'แผนแม่บทสำหรับการปฏิรูป' อย่างที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้กล่าวไว้เมื่อไม่นานมานี้หรือไม่"
สำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า การประชุมใหญ่ในเดือนพฤศจิกายนถือเป็น "การบรรลุกระบวนการวางแผนการปฏิรูปอย่างรอบคอบ"
"การประชุมใหญ่ครั้งที่ 3 เริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นมาเรื่อยๆ และมักจะมุ่งประเด็นไปที่การปฏิรูปทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และการเติบโตของอุตสาหกรรม"
ด้านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า การประชุมใหญ่ครั้งที่ 3 ในปีนี้ "จะทำให้เศรษฐกิจจีนมีทิศทางที่เป็นบวกอย่างยั่งยืนในทิศทางใหม่ ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐ และสหภาพยุโรป หรือ อียู ก็ยังต้องพึ่งพาการประชุมครั้งนี้มากพอๆกับจีนเช่นกัน"
อันที่จริงแล้ว ในขณะที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก สหรัฐ และอียู ซึ่งยังคงมีการฟื้นตัวที่อ่อนแออยู่ ก็คาดหวังให้จีนกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนก็ยังช่วยคลายความกดดันทางเศรษบกิจของประเทศอื่นๆในเอเชียอีกด้วย
ฮัน แจจิน นักวิจัยที่สถบันวิจัยฮุนไดของเกาหลีใต้ ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงบทบาทหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่จะอภิปรายในการประชุมครั้งนี้ จะส่งสัญญาณที่ดีแก่ทั่วโลก
เขากล่าวว่า การปฏิรูปอาจดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมายังจีนมากขึ้น และผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศเพื่อนบ้านของจีน รวมถึงประเทศอื่นๆทั่วโลกด้วย
ทั่วโลกต่างคาดหวังกันมากว่ การปฏิรูปของจีนอาจ "ส่งผลกระทบในภาพรวม" ไปทั่วโลก
ดอริส ฟิสเชอร์ ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยวอร์ซเบิร์ก คาดว่า การประชุมใหญ่ในครั้งนี้อาจเปิดโอกาสให้กับภาคเอกชนมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศ และหันมาให้ความสนใจกับนวัตกรรมมากขึ้น
โต เถียน สาม ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาประเทศจีนภายใต้สำนักงานสังคมศาสตร์ของเวียดนาม ระบุว่า การพัฒนาอย่างมั่นคงของจีนจะนำมาซึ่งโอกาสในการพัฒนาทั้งในระดับภูมิภาค และระดับโลก
มาเทียส คารุกาตี นักเศรษฐศาสตร์ชาวอาร์เจนติน่า คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะมีพื้นที่ในการเติบโตมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่นแปลงบทบาทหน้าที่ของรัฐบาลจีนจะช่วยเปิดโอกาสทางการลงทุน และสร้างสภาพแวดล้อมทางการลงทุนที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ การปฏิรูปของจีนยังเป็นแรงผลักดันสำหรับประเทศอื่นๆอีกด้วย เอสวอร์ พราแซด แสดงความคิดเห็นบนเว็บไซต์ไฟแนนเชียลไทมส์ของอังกฤษว่า "...วิธีการปฏิรูปเศรษฐกิจที่รอบคอบของจีนในบางมุม อาจเป็นบทเรียนสำคัญให้กับประเทศอื่นๆ"
นักวิชาการบางคนระบุว่า ความสำเร็จในการส่งเสริมการปฏิรูป การพัฒนา และความมั่นคงร่วมกันของจีนเป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นประสบการณ์อันทรงคุณค่าแก่ประเทศอื่นๆ
จีนจะมุ่งมั่นกับการปฏิรูป และใช้นโยบาย ซึ่งเป็นเสมือนโอกาส และความหวังของประเทศอื่นๆ เนื่องจากการปฏิรูปได้กลายเป็นแนวโน้มที่ไม่สามารถต้านทานได้ไปเสียแล้ว สำนักข่าวซินหัวรายงาน