โดยในวันนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รายงานผ่านทางเว็บไซต์ว่า กลุ่มผู้ประท่วงเปิดเผยว่าจะยึดกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บชน.) หลังจากที่ยังไม่สามารถเข้ายึดได้เมื่อวาน นับเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ความพยายามที่จะขับไล่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งอาจจะสูญเสียแรงผลักดัน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกร้องให้ตำรวจและข้าราชการสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วง ขณะที่นายกฯกล่าวว่า ข้อเรียกร้องให้มีการใช้สภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแทนที่รัฐบาลนั้นถือเป็นเรื่องที้เป็นไปไม่ได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ และเรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งที่กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
การประท้วงเริ่มต้นมาเป็นเวลากว่า 1 เดือนเพื่อประท้วงพรบ.นิรโทษกรรมสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมืองในช่วงปฏิวัติเมื่อปี 2549 เพื่อโค่นอำนาจทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ จนทำให้เกิดแรงผลักดันในวางกว้างเพื่อล้มล้างในสิ่งที่นายสุเทพเรียกว่า "ระบอบทักษิณ" การประท้วงดำเนินมาสู่จุดสำคัญที่สุดเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ซึ่งมีประชาชนกว่า 100,000 คนออกมาเดินขบวนตามท้องถนน และจำนวนผู้ประท้วงก็ลดลงเนื่องจากกลยุทธ์ของนายสุเทพที่มีความรุนแรงมากขึ้น
ไมเคิล มอนเทซาโน นักวิจัยจากสถาบันศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสิงคโปร์ กล่าวว่า เขายังคงจับตาดูอย่างคาดหวังว่า เหตุรุนแรงจะนำมาซึ่งการแทรกแซงได้หรือไม่ ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีสัญญาณของการแทรกแซงแต่อย่างใด
ทางด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวานนี้ว่า นายหง เล่ย โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนเปิดเผยในการแถลงข่าวประจำวันว่า จีนเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนในประเทศไทยใช้ความอดทนอดกลั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง เนื่องจากการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงและผู้สนับสนุนรัฐบาลทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และผู้บาดเจ็บกว่า 100 ราย
"จีนรู้สึกกังวลต่อสถานการณ์ในประเทศไทย เราหวังว่าจะไทยสามารถฟื้นฟูเสถียรภาพและความมีระเบียบเรียบร้อยได้ในเร็ววัน" นายหงกล่าว