บรรดาผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดังกล่าวซึ่งให้การสนับสนุนรัสเซียนั้น ได้ผลักดันให้มีการลงประชามติในครั้งนี้ โดยดินแดนดังกล่าวเคยเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียมาจนกระทั่งถึงปี 2497 ขณะที่กลุ่มผู้นำประเทศฝั่งตะวันตกได้ออกมาแสดงจุดยืนในการปฏิเสธการลงประชามติ พร้อมกับเรียกร้องรัสเซียให้ถอนกำลังออกจากเขตปกครองตนเองไครเมีย
นายกรัฐมนตรียูเครนได้เรียกร้องให้รัฐบาลรัสเซียงดให้การสนับสนุนกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนในยูเครน โดยระบุว่าไครเมียถือเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของยูเครนและจะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไป
นางยูเลีย ไทโมเชนโก อดีตนายกรัฐมนตรียูเครน ซึ่งเคยถูกจำคุกในสมัยที่นายวิคเตอร์ ยานูโควิช ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น กล่าวว่า การทำประชามติของไครเมียจะต้องรวมคะแนนเสียงของชาวยูเครนทั้งหมด ไม่ใช่การลงประชามติเฉพาะในพื้นที่นั้นท่ามกลางกองกำลังของรัสเซีย
ทั้งนี้ การลงประชามติจะเปิดโอกาสให้ประชาชนในไครเมียได้มีทางเลือกที่จะตัดสินใจว่า จะยังคงเป็นเขตปกครองตนเองในยูเครนต่อไป หรือจะยกดินแดนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย