ปธน.ปูตินแถลงที่ทำเนียบเครมลินก่อนลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าวว่า "การลงประชามติซึ่งจัดขึ้นในไครเมียเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น เป็นไปตามกระบวนการทางประชาธิปไตยและหลักสากล" พร้อมกล่าวต่อไปว่า ผู้มีสิทธิออกเสียงมากกว่า 82% ไปใช้สิทธิลงคะแนนในครั้งนี้ ซึ่งกว่า 96% ในจำนวนนี้ออกเสียงสนับสนุนให้ไครเมียกลับเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียอีกครั้ง
ปูตินกล่าวเพิ่มเติมว่า เขาคาดว่าจะภาษาที่ใช้ในไครเมียนั้นจะประกอบไปด้วย 3 ภาษา ได้แก่ ภาษารัสเซีย ภาษายูเครน และภาษาตาตาร์
ผู้นำรัสเซียได้แถลงต่อสาธารณะผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ด้วยว่า รัสเซียไม่ต้องการดินแดนส่วนอื่นของยูเครนอีก โดยระบุว่า "เราไม่ต้องการแบ่งแยกยูเครน"
"อย่าไปเชื่อพวกที่กล่าวว่ารัสเซียจะเข้ายึดครองดินแดนอื่นๆหลังจากไครเมีย เราไม่ต้องการเช่นนั้น" ปูตินกล่าว
ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลง ปธน.ปูตินจึงได้ลงนามในสนธิสัญญาเพื่อผนวกไครเมียและเมืองท่าเซวาสโตโพล ซึ่งเป็นการปูทางให้สมาชิกสภานิติบัญญัติของรัสเซียให้สัตยาบันรับรองสนธิสัญญาดังกล่าวต่อไป และเพื่อที่รัสเซียจะได้ผนวกดินแดนทั้งสองอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า