"หากรัฐบาลยูเครนเริ่มใช้กำลังทหารเพื่อต่อสู้กับประชาชนของตนเอง ก็ถือเป็นอาชญากรรมขั้นร้ายแรง" ปธน.ปูตินกล่าวที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ผู้นำรัสเซียระบุว่า การใช้กองทัพเพื่อ "ปฏิบัติการเชิงลงโทษ" จะส่งผลต่อผู้ที่ตัดสินใจที่จะดำเนินการดังกล่าวรวมทั้งผู้อยู่ในระดับรัฐ โดยเสริมว่า ในกรณีนี้ ทางการยูเครนจึงสมควรถูกเรียก "คณะผู้ยึดอำนาจ" และ "กลุ่มที่รักแต่พวกพ้อง"
ปูตินกล่าวหารัฐบาลยูเครนว่าใช้กำลังทหารมากเกินไปในการจัดการกลุ่มผู้ฝักใฝ่รัสเซียในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศ และกล่าวหาว่ารัฐบาลยูเครนกำหนดบทลงโทษให้กลุ่มหัวรุนแรงแทนที่จะเป็นการเปิดกว้างการเจรจาแห่งชาติที่แท้จริง
"เราเข้าร่วมการประชุมที่เจนีวา เราลงนามข้อตกลงต่างๆที่นั่น ตามข้อตกลง ทั้งสองฝ่ายจะต้องปลอดอาวุธ ไม่รุกล้ำสถานที่ราชการ หรืออะไรทำนองนั้น" ปธน.ปูตินกล่าวว่า "เราไม่ควรใช้เส้นทางสายนี้ ที่ดีกว่าคือใช้เส้นทางแห่งการเจรจาในหมู่ประชาชนในประเทศ ไม่ว่าเขาจะอาศัยอยู่แห่งใด"
วันพุธที่ผ่านมา ยูเครนเดินหน้า "ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย" ต่ออีกครั้ง เพื่อจัดการกลุ่มนักเคลื่อนไหวผู้ฝักใฝ่รัสเซียในเขตต่างๆในตะวันออกกลางของประเทศ หลังจากมีรายงานกล่าวหาว่ากลุ่มผู้ฝักใฝ่รัสเซียลักพาตัวและทรมานนักข่าวหลายคน รวมถึงฆาตกรรมนักการเมืองที่สนับสนุนรัฐบาลยูเครน
ปูตินระบุว่าเหตุการณ์ ณ ปัจจุบันในยูเครนตะวันออกพิสูจน์ว่า รัสเซียวางตัวอย่างถูกต้องในการสนับสนุนประชาชนในไครเมีย เขากล่าวว่า "ถ้าไม่ใช่เพราะการสนับสนุนจากรัสเซียแล้ว พลเมืองไครเมียคงไม่สามารถแสดงเจตนารมย์ในทางอารยะได้"
ประธานธิบดีรัสเซียระบุว่า ไม่ได้วิตกว่าการเข้ามาของไครเมียจะทำให้โครงการสวัสดิการสังคมในพื้นที่อื่นๆของรัสเซียลดลงเพิ่มขึ้น
"งบประมาณรัฐของเราเกินดุล 2.4 แสนล้านรูเบิล (ราว 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีนี้ และยอดรวมเงินช่วยเหลือที่ไครเมียจำเป็นต้องได้รับนั้นจะไม่เกิน 1 แสนล้าน (2.8 พันล้านดอลลาร์)" ปูตินระบุ
ขณะเดียวกัน ปธน.ปูตินยังเมินผลประทบของการคว่ำบาตรรัสเซียจากชาติตะวันตก โดยปูตินเรียกชาติตะวันตกว่า "ไม่มีพิษสงโดยสิ้นเชิง" และ "เนื้อแท้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเมือง" สำนักข่าวซินหัวรายงาน