"เราขอยกย่องชมเชยความพยายามของประธานาธิบดีโปโรเชนโก และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกับคลี่คลายวิกฤตการณ์เพื่อสร้างความมั่นคงและฟื้นฟูสถานการณ์ด้านมนุษยชนในยูเครนตะวันออก" EEAS กล่าวในแถลงการณ์
นอกจากนี้ EEAS ระบุว่า "เราขอเรียกร้องสหพันธรัฐรัสเซียเป็นพิเศษ ให้ท่านทำทุกวิถีทางเพื่อให้ความขัดแย้งนี้สิ้นสุดลง และขอให้ท่านสนับสนุนแผนการสร้างสันติภาพอย่างจริงจัง"
ด้านนายบัน คี-มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ก็ได้ออกมาขานรับแผนการสร้างสันติภาพของประธานาธิบดียูเครนเช่นกัน โดยนายสเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกของนายบันได้กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า "ท่านเลขาธิการยูเอ็นได้แสดงความพอใจกับแผนการของประธานาธิบดีโปโรเชนโกแห่งยูเครน ซึ่งมีเป้าหมายที่จะแก้ไขวิกฤตการณ์ในยูเครนอย่างสันติ"
ถ้อยแถลงของ EEAS และเลขาธิการยูเอ็นมีขึ้นหลังจากนายโปโรเชนโกได้เปิดเผยการสร้างสันติภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในภูมิภาคทางฝั่งตะวันออกของยูเครน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองกำลังทหารของรัฐบาลยังคงปะทะกับกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัสเซีย
แผนสันติภาพฉบับดังกล่าวซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ของประธานาธิบดียูเครนนั้น ได้เสนอให้มีการหยุดยิงและนิรโทษกรรมแก่กลุ่มกบฎที่ไม่ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการประนีประนอมกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ขณะเดียวกัน แผนการดังกล่าวยังเสนอให้มีการกระจายอำนาจในยูเครน โดยผ่านทางการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ การจัดการเลือกตั้งรัฐสภา และการเลือกตั้งท้องถิ่นในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ นอกจากนี้ แผนสันติภาพยังครอบคลุมถึงการสนับสนุนให้มีการใช้ภาษารัสเซียทั่วประเทศ และรับประกันความปลอดภัยให้กับประชาชนทุกคนโดยไม่คำนึงถึงความเชื่อทางการเมือง
ทั้งนี้ ยังได้รับการริเริ่มการสร้างเขตกันชน (buffer zone) ซึ่งครอบคลุมรัศมี 10 กิโลเมตรในบริเวณชายแดนยูเครน-รัสเซีย และจัดตั้งพื้นที่พิเศษเพื่ออนุญาตให้กลุ่มต่อต้านสามารถลี้ภัยออกจากพื้นที่วิกฤตได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ แผนสันติภาพยังระบุถึงข้อเรียกร้องให้กลุ่มกบฎวางอาวุธ ปล่อยตัวประกัน ยุติการยึดครองอาคารต่างๆ และเริ่มเจรจาอย่างสันติกับรัฐบาลในเมืองเคียฟ สำนักข่าวซินหัวรายงาน