นายจอช เอิร์นเนส โฆษกทำเนียบขาว กล่าวประณามกลุ่มกบฏติดอาวุธที่ไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงสงบศึก โดยเผยว่า "การหยุดยิงเป็นเพียงการกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงจากกลุ่มกบฏเพิ่มมากขึ้น และทำให้กลุ่มกบฏสามารถรุกคืบต่อไปได้"
ภายหลังจากการตัดสินใจยุติการหยุดยิงเป็นเวลา 10 วันของประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโกของยูเครน กองทัพยูเครนได้กลับมาดำเนินการตอบโต้กลุ่มกบฏในเมืองโดเนทสค์และเมืองลูกันสค์อีกครั้ง ด้วยการโจมตีทางอากาศ
นายเอิร์นเนสกล่าวในการแถลงข่าวว่า "เราเคารพการตัดสินใจของรัฐบาลยูเครนและความรับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ และการปกป้องประชาชน"
โฆษกทำเนียบขาวได้เรียกร้องต่อรัสเซียอีกครั้งให้ "ดำเนินการที่เป็นรูปธรรม" เพื่อช่วยลดความขัดแย้งในทางตะวันออกของยูเครน
นางเจนนิเฟอร์ ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า ปฏิบัติการของยูเครนนั้น "ไม่รุนแรงและระมัดระวัง" โดยเผยว่า "ยูเครนได้ดำเนินการเพื่อรักษาความสงบภายในประเทศตัวเอง"
และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ขู่ว่าจะใช้กำลังในทางตะวันออกของยูเครน เพื่อปกป้องพลเมืองชาวรัสเซีย
ปธน.ปูตินกล่าวระหว่างการพบปะเอกอัครราชทูตและอุปทูตรัสเซียว่า "ผมต้องการทำให้เกิดความชัดเจนว่า ประเทศนี้จะยังคงปกป้องสิทธิของชาวรัสเซีย เพื่อนร่วมชาติของเราในต่างแดน ด้วยการใช้วิถีทางที่มีอยู่ในขอบเขตทั้งหมด ตั้งแต่วิธีทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ เพื่อดำเนินปฏิบัติการภายใต้กฎหมายด้านมนุษยชนระดับนานาชาติ และสิทธิของการป้องกันตัวเอง"
ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนี ฝรั่งเศส รัสเซียและยูเครน ได้ร่วมหารือกันที่กรุงเบอร์ลินเมื่อวานนี้ และเรียกร้องให้ใช้ "มาตรการที่จำเป็นทุกอย่าง" และพยายามทำให้การหยุดยิงมีความยั่งยืนต่อไปในทางตะวันออกของยูเครน สำนักข่าวซินหัวรายงาน