แถลงการณ์ต่อสื่อโดยนางเฮเลน คลาร์ก ผู้บริหารของ UNDP ระบุว่า "UNDP รู้สึกยินดีกับการหยุดยิงในขณะนี้ และแสดงความความหวังถึงข้อตกลง ซึ่งจะยุติความเป็นปรปักษ์และความทุกข์ยากของพลเมือง ขณะที่ยังเป็นการวางรากฐานเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน UNDP กำลังช่วยให้ชาวปาเลสไตน์เข้าถึงความจำเป็นเร่งด่วน รวมถึงกำหนดแผนการเพื่อการฟื้นฟูและการพัฒนามนุษย์"
แถลงการณ์ยังระบุว่า ความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่เกือบ 1 เดือน คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปมากกว่า 1,800 คน รวมถึงเด็ก 400 คน และประชาชนมากกว่า 1 ใน 4 ต้องย้ายออกจากบริเวณกาซา ทั้งนี้ คาดว่าที่อยู่ของประชาชนประมาณ 65,000 คน ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก
นางคลาร์กเปิดเผยในแถลงการณ์ว่า "สภาพความเป็นอยู่ในกาซานั้นไร้ความหวังตั้งแต่ก่อนวิกฤตในปัจจุบัน และในตอนนี้ สภาพดังกล่าวยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก" และเสริมว่าแทนที่สภาพความเป็นอยู่จะดีขึ้น ประชาชนในกาซาได้กลับไปสู่ช่วง "การพัฒนา-ลง"
ผู้บริหาร UNDP ยกตัวอย่างความเสียหายในวงกว้างต่อระบบน้ำและการระบายของเสีย แหล่งจ่ายไฟ โรงเรียน โรงพยาบาล ถนน และสาธารณูปโภคอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการค้ำจุนด้านเศรษฐกิจและสังคม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
"ดังนั้น ความสำคัญเร่งด่วนในลำดับแรกของ UNDP คือการขนย้ายสิ่งหักพังออก ฟื้นฟูระบบกำจัดขยะ สร้างที่อยู่อาศัยใหม่ สร้างงานและอาชีพ" นางคลาร์กกล่าว และเสริมว่า "เราให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนการฟื้นฟูกาซาอย่างเต็มที่" พร้อมสรุปว่า ประชาชนในกาซาประสบความยากลำบากมาเป็นเวลายาวนานเกินไป ในวงจรวิกฤตและความสิ้นหวัง ซึ่งตอนนี้ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงสู่การพัฒนามนุษย์ที่ประชาชนต้องการ
"การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นสิ่งที่เอื้อมถึงได้ แต่ต้องอยู่บนการสนับสนุนที่แข็งแกร่งและยั่งยืนจากประชาคมโลก และสันติภาพ" สำนักข่าวซินหัวรายงาน