ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว Interfax รายงานว่า ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ของยูเครน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ โดยกล่าวว่า กองทัพยูเครนได้ทำลายยานยนต์หุ้มเกราะจำนวนหนึ่งซึ่งข้ามชายแดนมาจากทางฝั่งของรัสเซีย
อย่างไรก็ดี สำนักข่าว Itar- Tass รายงานโดยอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของนายอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ซึ่งยืนยันว่า "ไม่มียานยนต์หุ้มเกราะของรัสเซียที่ข้ามชายแดนรัสเซีย-ยูเครน ทั้งในตอนกลางวันและกลางคืน"
นายโคนาเชนคอฟยังกล่าวด้วยว่า เป็นที่น่าเสียใจว่า "ข่าวลวง" ที่เผยแพร่ตามโซเชียลเน็ตเวิร์ก ได้ถูกผู้นำระดับสูงของประเทศต่างๆในยุโรปและประเทศที่ถือหางยุโรป นำไปแถลงอย่างเป็นจริงเป็นจัง แทนที่จะนำความจริงไปพูดกัน
ขณะเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศรัสเซียได้แสดงความกังวลเรื่องการลำเลียงปัจจัยช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของรัสเซียไปยังภาคตะวันออกของยูเครน โดยระบุว่ากองทัพยูเครนมีความพยายามที่จะตัดเส้นทางการลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์จากชายแดนรัสเซีย-ยูเครน ไปยังเมืองลูฮันสค์
กระทรวงต่างประเทศรัสเซียเผยว่า "มีรายงานเข้ามาว่า มีผู้วางแผนว่าจะวางระเบิดตามจุดต่างๆ ในเส้นทางสู่เมืองลูฮันสค์ เพื่อทำลายรถบรรทุกที่ลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่มากับขบวน และโทษว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้าย"
กระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุว่า รัสเซียพยายามทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้การลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์เป็นไปอย่างปลอดภัย พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายประกาศหยุดยิงทันทีในช่วงที่มีการลำเลียงสิ่งของ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักมนุษยธรรมสากล
คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศเปิดเผยว่า รถบรรทุกของรัสเซียจำนวน 280 คัน ซึ่งลำเลียงปัจจัยช่วยเหลือน้ำหนักรวมถึง 2,000 ตัน ได้เดินทางมาถึงชายแดนรัสเซียบริเวณเมืองรอสตอฟ ซึ่งอยู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
หน่วยปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายของยูเครนเผยว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชายแดน 41 นาย และเจ้าหน้าที่ศุลกากร 18 คน ได้เริ่มตรวจสอบรถบรรทุกทั้งหมดในช่วงเช้าวันศุกร์ และเมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้นลง จึงจะมีการเปิดทางให้ลำเลียงปัจจัยช่วยเหลือไปยังเมืองลูฮันสค์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของยูเครน อันเป็นพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความลำบาก เพราะขาดแคลนอาหาร น้ำ และยารักษาโรค สำนักข่าวซินหัวรายงาน